ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (17 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธนาคาร นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายในช่วงที่สถานการณ์การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ยังคงไร้ทิศทาง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,834.92 จุด ลดลง 27.76 จุด หรือ -0.40%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ลดลง 0.8% หุ้นหุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ดิ่งลง 4% หลังจากธนาคารโซซิเอเต เจเนราล (ซอคเจน) ของฝรั่งเศสคาดการณ์ว่า รายได้จากการลงทุนในตลาดทุนช่วงไตรมาส 4/2561 จะลดลงราว 20% และรายได้จากธุรกิจดังกล่าวตลอดปี 2561 จะลดลง 10% เนื่องจากผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะผันผวนในตลาดทุนทั่วโลก
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมัน โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลดลง 0.8% หุ้นเอสเอสอี ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานของสก็อตแลนด์ ดิ่งลง 3.3%
นักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยรายงานล่าสุดระบุว่า ผู้นำพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งภาคธุรกิจของอังกฤษ ต่างออกมาเรียกร้องให้มีการจัดการลงประชามติ Brexit ครั้งใหม่ โดยจะใช้ชื่อว่า "People's Vote"
สถาบัน RICS (Royal Institution of Chartered Surveyors) ซึ่งเป็นองค์กรผู้ทรงคุณวุฒิด้านการประกอบธุรกิจการจัดการทรัพย์สินและอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยผลสำรวจพบว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของอังกฤษมีแนวโน้มซบเซา ก่อนที่อังกฤษมีกำหนดแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปในวันที่ 29 มี.ค.
ทั้งนี้ RICS ระบุว่า ผลการสำรวจพบว่า แนวโน้มระยะสั้นของยอดขายบ้านอยู่ที่ระดับ -28 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการสำรวจในปี 2542
ตลาดที่อยู่อาศัยของอังกฤษได้ชะลอตัวลงนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2559 ซึ่งขณะนั้นอังกฤษได้ทำประชามติ Brexit โดยราคาบ้านมีการเติบโตในอัตราต่ำที่สุดในรอบ 5 ปี