ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (21 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังจากทางการจีนเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในปี 2561 ขยายตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐที่ยังคงยืดเยื้อในขณะนี้
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดลบ 0.19% แตะที่ระดับ 356.36 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,136.20 จุด ลดลง 69.34 จุด หรือ -0.62% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,867.78 จุด ลดลง 8.15 จุด หรือ -0.17% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,970.59 จุด เพิ่มขึ้น 2.26 จุด หรือ +0.03%
ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงหลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า GDP ในไตรมาส 4/2561 ขยายตัวเพียง 6.4% ส่วน GDP ตลอดปี 2561 ขยายตัว 6.6% จากระดับของปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวที่ระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี อันเนื่องมาจากผลกระทบของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐที่ยังคงยืดเยื้อ โดยแม้ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยื่นข้อเสนอให้ขยายการคุ้มครองผู้อพยพวัยเยาว์ที่เดินทางเข้ามาในสหรัฐโดยผิดกฎหมายตั้งแต่เด็กภายใต้โครงการ DACA เพื่อแลกกับการอนุมัติงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโกมูลค่า 5.7 พันล้านดอลลาร์ แต่แกนนำพรรคเดโมแครตในสภาคองเกรส ซึ่งรวมถึงนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้ปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวของทรัมป์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดยหุ้นอันโตฟากัสตา ดิ่งลงเกือบ 3% ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 1%
หุ้นวิลเลียม ฮิลล์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตหนังสือรายใหญ่ของยุโรป ร่วงลง 3% หลังจากบริษัทคาดการณ์ว่า กำไรจากการดำเนินงานในปีงบการเงิน 2561 จะหดตัวลง 15%
หุ้นคิงฟิสเชอร์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน ร่วงลง 4% ขณะที่หุ้นแพนโดรา ผู้จำหน่ายเครื่องประดับชื่อดังจากเดนมาร์ก ร่วงลงเกือบ 3%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้น โดยหุ้นแอร์ฟรานซ์ พุ่งขึ้นกว่า 5% และหุ้นไรอันแอร์ โฮลดิ้งส์ ทะยานขึ้น 3.4%
ส่วนหุ้นจัสอีท ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจัดส่งอาหาร ดีดตัวขึ้น 1% หลังจากนายปีเตอร์ พลัมบ์ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท