ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมทั้งความไม่แน่นอนของสถานการณ์การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,842.88 จุด ลดลง 58.51 จุด หรือ -0.85%
นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสื่อต่างประเทศรายงานว่า ทำเนียบขาวได้ยกเลิกแผนการจัดการเจรจาการค้ากับจีนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แม้ว่าในเวลาต่อมา นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว ได้ปฏิเสธรายงานดังกล่าวก็ตาม
หุ้นเมโทรแบงก์ ร่วงลง 28% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่ในไตรมาส 4/2561
หุ้นเบอร์เบอร์รี่ ร่วงลง 2% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด
หุ้นอันโตฟากัสตา ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองรายใหญ่ และหุ้นเฟรสนิลโล ผู้ประกอบการเหมืองทองคำ ต่างก็ร่วงลงเกือบ 1%
อย่างไรก็ตาม หุ้นผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตของอังกฤษดีดตัวขึ้น โดยหุ้นเทสโก้ พุ่งขึ้นกว่า 1% หุ้นดับบลิวเอ็ม มอร์ริสัน พุ่งขึ้น 2% และหุ้นเจ เซนส์บิวรี เพิ่มขึ้น 1%
นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ Brexit ขณะที่สมาพันธ์อุตสาหกรรมอังกฤษ (CBI) เปิดเผยผลสำรวจบริษัทในภาคการผลิตจำนวน 326 แห่ง พบว่าจำนวน 11% มีความเชื่อมั่นมากกว่าช่วง 3 เดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่ 34% มีความเชื่อมั่นลดลง ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2559
นักวิเคราะระบุว่า ความเชื่อมั่นที่ลดลงได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ Brexit ดังนั้นนักการเมืองจึงควรร่วมมือกันผ่าทางตันในประเด็น Brexit เพื่อช่วยให้ภาคการผลิตของอังกฤษสามารถทำการซื้อขายในตลาดโลกต่อไป
รายงานระบุว่า บริษัทโซนี่ คอร์ปอเรชั่นของญี่ปุ่น ประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ประจำยุโรปออกจากสหราชอาณาจักรเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจาก Brexit โดยโซนี่นับเป็นบริษัทรายล่าสุดของญี่ปุ่นที่ได้ดำเนินการดังกล่าว หลังจากที่บริษัทพานาโซนิคประกาศย้ายสำนักงานใหญ่ในปีที่แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะซับซ้อนด้านภาษีจากปัจจัย Brexit