ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) หลังจากแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างรายใหญ่ระดับโลก เปิดเผยกำไรที่ต่ำกว่าคาด และบริษัท Nvidia Corp ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ปรับลดตัวเลขคาดการณ์รายได้ประจำไตรมาส 4/2561 นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่า สหรัฐอาจเผชิญกับภาวะชัตดาวน์อีกครั้ง เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับผู้นำสภาคองเกรสในประเด็นการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,528.22 จุด ร่วงลง 208.98 จุด หรือ -0.84% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,643.85 จุด ลดลง 20.91 จุด หรือ -0.78% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ ปิดที่ 7,085.68 จุด ลดลง 79.18 จุด หรือ -1.11%
ราคาหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งนักลงทุนมองว่าเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐเนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศนั้น ร่วงลง 9.13% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2561 ที่ระดับ 2.55 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.99 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า
การร่วงลงของหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ส่งผลให้ราคาหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มอุตสาหกรรมดิ่งลงด้วย โดยหุ้นอีตัน คอร์ป ร่วงลง 2.76% หุ้น 3M ดิ่งลง 1.4% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ร่วงลง 2.46% หุ้นโบอิ้ง ลดลง 0.36% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.63% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมปรับตัวลง 1%
ส่วนราคาหุ้น Nvidia ทรุดตัวลง 13.82% หลังจากบริษัทปรับลดตัวเลขคาดการณ์รายได้ประจำไตรมาส 4/2561 ลงสู่ระดับ 2.20 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 2.70 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากผลกระทบจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาค รวมทั้งชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน โดย Nvidia มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการประจำไตรมาส 4 ในวันที่ 14 ก.พ.
ทั้งนี้ การร่วงลงของหุ้น Nvidia ได้ฉุดหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มผู้ผลิตชิปและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงด้วย โดยหุ้น Xilinx ลดลง 0.92% หุ้นอินเทล ลดลง 0.7% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ลดลง 0.82% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.03% หุ้นอเมซอนดอทคอม ดิ่งลง 1.96% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 0.71% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง 1.4%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงกว่า 3% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.67% หุ้นเชฟรอน ร่วงลง 0.93% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 0.68% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 2.7% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 2.71%
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์อินฟอร์มา ไฟแนนเชียล อินเทลลิเจนส์ ในรัฐเนเวดา กล่าวว่า ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นนิวยอร์ก โดยรายงานล่าสุดของสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) ระบุว่า กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนธ.ค. หดตัวลง 1.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี และตลอดปี 2561 กำไรของบริษัทอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ขยายตัวเพียง 10.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากปี 2560 ที่มีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 21%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ชัตดาวน์ในสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า ภาวะชัตดาวน์อาจเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากเขาไม่เชื่อมั่นว่าสภาคองเกรสจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกตามที่เขาต้องการ ขณะเดียวกันทรัมป์กล่าวว่า เขาคิดว่ามีโอกาสน้อยกว่า 50% ที่สภาคองเกรสจะบรรลุข้อตกลงดังกล่าว ก่อนที่งบประมาณสำหรับหน่วยงานรัฐบาลจะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 ก.พ.
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากคอนเฟอเรนซ์บอร์ด, ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนม.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคการผลิตเดือนม.ค. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)