ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงแอปเปิล อิงค์ในวันนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังรอผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้
ณ เวลา 21.47 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 24,641.52 จุด เพิ่มขึ้น 113.30 จุด หรือ 0.46%
เฟดจะจัดการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 29-30 ม.ค. ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ และเฟดจะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับกำหนดเวลาในการยุติการปรับลดการถือครองพันธบัตรในงบดุลของเฟด
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า เฟดอาจยุติการปรับลดงบดุลเร็วกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าเฟดจะชะลอการปรับนโยบายการเงินสู่ภาวะปกติ และบ่งชี้ว่าเฟดจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ จากเดิมที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้
นักลงทุนจับตาปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากจะเป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเฟดจะคุมเข้มนโยบายการเงินนานเท่าใด หลังจากที่การปรับลดงบดุลของเฟดเป็นปัจจัยกดดันตลาดก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ เฟดได้เริ่มการปรับลดงบดุลในเดือนต.ค.2560 โดยขณะนั้นงบดุลของเฟดมีมูลค่าสูงกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งในการปรับลดงบดุลนั้น เฟดจะปล่อยให้พันธบัตรจำนวนหนึ่งครบอายุโดยไม่มีการนำรายได้ไปลงทุนในพันธบัตรใหม่ ซึ่งวงเงินการปรับลดงบดุลสูงสุดคือ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน ส่วนเมื่อเดือนที่แล้ว เฟดได้ปรับลดงบดุล 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่วงเงินการปรับลดงบดุลทั้งหมดของเฟดอยู่ที่ระดับ 4 แสนล้านดอลลาร์
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเดินทางถึงสหรัฐในวันที่ 30-31 ม.ค.เพื่อเจรจาการค้ากับเจ้าหน้าที่สหรัฐ และคาดหวังที่จะยุติข้อพิพาททางการค้าที่ยืดเยื้อมาเป็นระยะเวลานานหลายเดือน
นายหวัง ชูเหวิน รมช.กระทรวงพาณิชย์ และนายเหลียว หมิน รมช.กระทรวงการคลัง ได้เดินทางถึงสหรัฐแล้วในเมื่อวานนี้ เพื่อปูทางสู่การเจรจาการค้าระหว่างนายหลิว เหอ และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR)
ทั้งนี้ นายหลิว เหอ จะเข้าเจรจากับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ พร้อมด้วยนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ซึ่งการเจรจาจะจัดขึ้นในวันที่ 30-31 ม.ค. โดยทั้งสองฝ่ายจะมุ่งเน้นไปที่ประเด็นการแก้ไขปัญหาต่างๆ ตั้งแต่ประเด็นการสั่งซื้อถั่วเหลืองจากจีน ไปจนถึงการที่รัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนบริษัทของรัฐบาล โดยหวังที่จะบรรลุข้อตกลงทางการค้าก่อนเส้นตายวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากจีนและสหรัฐไม่สามารถตกลงกันเกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาที่ถาวร ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้