ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) โดยได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังถูกกดดันจากความวิตกมากขึ้นเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการเปิดเผยข้อมูลใหม่ที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษชะลอตัวลงอย่างมากไตรมาส 4 ปี 2561 ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ซึ่งเริ่มขึ้นที่กรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,129.11 จุด เพิ่มขึ้น 57.93 จุดหรือ +0.82%
ตลาดรอดูการเจรจาเรื่อง Brexit ระหว่างสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งมีขึ้นในวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม นักลงทุนมีความกังวลว่า มีโอกาสมากขึ้นที่อังกฤษจะออกจาก EU อย่างไม่เป็นระเบียบ และมีโอกาสน้อยสำหรับการเจรจาเรื่องสนธิสัญญาการถอนตัวที่ได้มีการตกลงกันไปก่อนหน้านี้ โดยนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษได้ร่วมหารือกับนายเจเรมี คอร์บิน ผู้นำฝ่ายค้านเพื่อพยายามยุติภาวะชะงักงันในรัฐสภา
ทั้งนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ (ONS) บ่งชี้ว่า ความวิตกเรื่อง Brexit ได้สกัดกั้นการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในปี 2561 โดยชะลอตัวมากที่สุดในรอบ 6 ปี
ONS เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหราชอาณาจักรขยายตัว 1.4% ในปี 2561 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2555 และลดลงจากระดับ 1.8% ในปี 2560
ส่วนในไตรมาส 4 ของปีที่แล้ว เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรมีการขยายตัวเพียง 0.2% ลดลงจากระดับ 0.6% ในไตรมาส 3 โดยการผลิตรถยนต์และเหล็กทรุดตัวลงมากที่สุด ขณะที่ภาคการก่อสร้างปรับตัวลงเช่นกัน แม้ว่าภาคบริการมีการขยายตัว
นอกจากนี้ บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่การเริ่มเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างจีนและสหรัฐ โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะจัดประชุมเพื่อเจรจาการค้าร่วมกันที่กรุงปักกิ่งในวันที่ 14-15 ก.พ.นี้
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวรายหนึ่งกล่าวว่า อาจมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน จากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค.
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้
หุ้นกลุ่มน้ำมัน, ธนาคารและเหมืองแร่ปรับตัวขึ้น
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ บวก 0.33% และหุ้นโททาล เพิ่มขึ้น 0.60%
หุ้นธนาคารเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์บวก 1.34% แต่หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ขยับลง 0.54% ก่อนเปิดเผยผลประกอบการในวันศุกร์นี้
หุ้นเฟรสนิลโลบวก 0.47% และหุ้นริโอ ตินโต เพิ่มขึ้น 0.52%