ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) ขานรับรายงานที่ว่าสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) รอบที่ 2 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้า โดยมุมมองบวกที่มีต่อการเจรจาการค้าได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ส่วนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งและเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ทะยานขึ้นกว่า 100 จุด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,425.76 จุด พุ่งขึ้น 372.65 จุด หรือ +1.49% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,744.73 จุด เพิ่มขึ้น 34.93 จุด หรือ +1.29% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,414.62 จุด เพิ่มขึ้น 106.71 จุด หรือ +1.46%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากนายเควิน แมคคาร์ธี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาระหว่างสมาชิกพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์รอบที่ 2 ในวันที่ 15 ก.พ. ประสบความคืบหน้า โดยตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ ด้วยการเห็นพ้องกันในการสร้างรั้ววงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ข้อตกลงชั่วคราวยังครอบคลุมถึงการลดจำนวนเตียงในสถานกักกันผู้อพยพที่เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายลง 17% เหลือ 40,520 เตียง จากปัจจุบันที่จำนวน 49,057 เตียง
ทั้งนี้ แม้ที่ประชุมยังไม่เห็นพ้องในการจัดสรรงบประมาณสร้างกำแพงคอนกรีตกั้นแนวชายแดนติดกับเม็กซิโกวงเงิน 5.7 พันล้านดอลลาร์ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการ แต่พรรคเดโมแครตก็มีท่าทีอ่อนลงต่อข้อเรียกร้องดังกล่าวของปธน.ทรัมป์ โดยในระหว่างการประชุมครั้งนี้ นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎร ไม่ได้แสดงการคัดค้านต่อข้อเรียกร้องของปธน.ทรัมป์ และขณะนี้ พรรคเดโมแครตเห็นพ้องต่อแนวคิดในการสร้างรั้วความยาวมากกว่า 55 ไมล์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้า โดยนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะจัดการประชุมเพื่อเจรจาการค้ารอบใหม่กับนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) และสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ที่กรุงปักกิ่ง ในวันที่ 14-15 ก.พ.นี้
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า แม้ปธน.ทรัมป์กล่าวว่าเขาไม่มีแผนที่จะพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ก่อนวันที่ 1 มี.ค. แต่เชื่อว่าผู้นำทั้งสองอาจสนทนาทางโทรศัพท์ในช่วงก่อนที่จะมีการพบปะกัน และถ้าหากการเจรจาการค้าระหว่างเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนมีความคืบหน้าอย่างมากในสัปดาห์นี้ ก็อาจจะมีการเลื่อนกำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าจากเดิมที่กำหนดไว้ในวันที่ 1 มี.ค.
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นขานรับความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ทะยานขึ้น 2.9% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 1.03% หุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 1.4% หุ้น 3M พุ่งขึ้น 2.8%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ขานรับกลุ่มโอเปกที่ปรับลดการผลิตน้ำมันในเดือนม.ค. โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.75% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.5% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.04% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 0.2% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี เพิ่มขึ้น 0.4% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.1%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 0.9% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 4.1% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 2.3% หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 3.2% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.5% และหุ้นอเมซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 2.9%
หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ผู้ผลิตอุปกรณ์กีฬารายใหญ่ พุ่งขึ้น 4.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2561 ที่แข็งแกร่งกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีท
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนม.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนพ.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนก.พ.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน