ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (13 ก.พ.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากการที่นักลงทุนมีความหวังในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน รวมถึงแนวโน้มที่จะไม่เกิดภาวะการปิดหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์) รอบ 2 ในสัปดาห์นี้
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,190.84 จุด เพิ่มขึ้น 57.70 จุด หรือบวก +0.81%
ตลาดหุ้นลอนดอนได้แรงหนุนหลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า เขาจะพิจารณาเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจากเดิมในวันที่ 1 มี.ค.ออกไป หากคณะเจรจาของสหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าในไม่ช้า
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้
นายโรเบิร์ต ไลท์ไทเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ จะเป็นผู้นำคณะเจรจาการค้ากับจีนในวันที่ 14-15 ก.พ. ขณะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีกำหนดพบปะกับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐในวันศุกร์นี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความกังวลเกี่ยวกับการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ของสหรัฐ หลังจากตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 15 ก.พ. โดยที่ประชุมเห็นพ้องกันในการสร้างรั้ววงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ ความยาวมากกว่า 55 ไมล์ แต่ไม่ใช่กำแพงคอนกรีตที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการ
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจ โดยอัตราเงินเฟ้อของอังกฤษร่วงลงสู่ 1.8% ในเดือนม.ค. จาก 2.1% ในเดือนธ.ค. และต่ำกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางอังกฤษที่ระดับ 2%
หุ้นกล่มเหมืองปรับตัวขึ้นมากที่สุด โดยหุ้นแอนโตฟากัสต้าบวก 2.96% หุ้นเกลนคอร์ บวก 2.30% และหุ้นแองโกล อเมริกัน เพิ่มขึ้น 2.04%
หุ้นกลุ่มก่อสร้างบ้านปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นบาร์รัตต์ ดีเวลอปเมนท์ บวก 0.79% และหุ้นเพอร์ซิมมอน เพิ่มขึ้น 1.59%
หุ้นบริษัทน้ำมันขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นบีพี เพิ่มขึ้น 1.10% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ บวก 0.56%