ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 200 จุดในวันนี้ จากการที่นักลงทุนผิดหวังต่อตัวเลขยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ทรุดหนักสุดในรอบกว่า 9 ปี รวมทั้งตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่แล้ว
การเปิดเผยยอดค้าปลีก และตัวเลขจ้างงานที่อ่อนแอ ได้บดบังปัจจัยบวกจากการคาดการณ์ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ณ เวลา 21.48 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,338.51 จุด ลดลง 204.76 จุด หรือ 0.8%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.2% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552 ซึ่งขณะนั้นเศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวจากภาวะถดถอย
นักวิเคราะห์คาดว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนธ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพ.ย.
การทรุดตัวของยอดค้าปลีกในเดือนธ.ค.ได้รับผลกระทบจากการปรับตัวลงของยอดขายในสินค้าทุกหมวด
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 4,000 ราย สู่ระดับ 239,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งในช่วงปลายเดือนม.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 225,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 6,750 ราย สู่ระดับ 231,750 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง มีกำหนดพบปะกับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ขณะที่จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงให้แก่คณะผู้แทนสหรัฐที่ภัตตาคารจีนในกรุงปักกิ่ง ซึ่งคาดว่านายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน จะเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงดังกล่าว
ทั้งนี้ การที่ปธน.สี จิ้นผิง เตรียมให้การต้อนรับคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ และการที่จีนมีกำหนดจัดงานเลี้ยงดังกล่าว ถือเป็นสัญญาณบวกที่แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาดีของทั้งจีนและสหรัฐในความพยายามที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างทั้งสองฝ่าย
นักวิเคราะห์ระบุว่า การที่ปธน.สี จิ้นผิงเตรียมพบกับคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ เป็นการบ่งชี้ให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าในบางส่วนแล้ว
สื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์อาจเลื่อนกำหนดเส้นตายในการบรรลุข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนออกไปอีก 60 วัน จากเดิมในวันที่ 1 มี.ค หากมีสัญญาณว่าเจ้าหน้าที่สหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า
ก่อนหน้านี้ ปธน.ทรัมป์กำหนดเส้นตายสำหรับการบรรลุข้อตกลงทางการค้าในวันที่ 1 มี.ค. ซึ่งหากทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะเดินหน้าเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนมูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิม 10% ในขณะนี้
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์) ของสหรัฐ
สื่อรายงานว่า ปธน.ทรัมป์อาจลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว ซึ่งรวมงบในการสร้างรั้วกั้นแนวชายแดนที่ติดกับเม็กซิโก เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์รอบที่สอง
ตัวแทนการเจรจาจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันสามารถบรรลุข้อตกลงชั่วคราวในการหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ โดยที่ประชุมเห็นพ้องกันในการสร้างรั้ววงเงิน 1.4 พันล้านดอลลาร์ แต่ไม่ใช่กำแพงคอนกรีตที่ต้องใช้งบในการสร้างถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์ตามปธน.ทรัมป์ต้องการ
ทั้งนี้ คาดว่าสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะทำการลงมติร่างกฎหมายงบประมาณฉบับดังกล่าวในวันนี้ ก่อนที่จะส่งต่อให้กับวุฒิสภาพิจารณาเป็นลำดับต่อไป
หากปธน.ทรัมป์ไม่ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวภายในช่วงเที่ยงคืนของวันพรุ่งนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือช่วงเที่ยงของวันเสาร์นี้ตามเวลาไทย ก็จะส่งผลให้หน่วยงานของสหรัฐถูกชัตดาวน์อีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม ปธน.ทรัมป์เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ทำเนียบขาวจะพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณฉบับนี้อย่างจริงจัง พร้อมกับกล่าวว่า เขาไม่ต้องการเห็นการชัตดาวน์เกิดขึ้นอีก เพราะเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่ไม่ควรเกิดขึ้น
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ลดลง 0.1% ในเดือนม.ค.เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากลดลง 0.1% เช่นเดียวกันในเดือนธ.ค.
การปรับตัวลงของดัชนี PPI ได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงของราคาพลังงาน