ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (20 ก.พ.) เนื่องจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มเหมืองแร่ได้ช่วยหนุนตลาด แต่หุ้นเจ เซนส์บิวรีร่วงลง หลังสำนักงานควบคุมตลาดและการแข่งขันของอังกฤษระบุว่า อาจปฏิเสธแผนควบรวมกิจการระหว่างเจ เซนส์บิวรีและบริษัทเอสด้า กรุ๊ป
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,228.62 จุด เพิ่มขึ้น 49.45 จุด หรือ +0.69%
ตลาดได้แรงหนุนจากความหวังในการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนด้วยเช่นกัน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุเมื่อวันอังคารว่า กำหนดเส้นตายของการทำข้อตกลงกับจีนนั้น สามารถยืดหยุ่นได้ และสหรัฐอาจไม่ปรับขึ้นอัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้าจีนในวันที่ 1 มี.ค.ตามที่กำหนดไว้ แม้มีแถลงการณ์จากเจ้าหน้าที่การค้าระดับสูงของรัฐบาลว่า สหรัฐควรยึดถือกำหนดเส้นตายที่แน่นอนก็ตาม
นักลงทุนในตลาดยังคงจับตาประเด็นการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ เข้าร่วมประชุมกับนายฌอง-คล็อด ยุงเกอร์ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปที่กรุงบรัสเซลล์ในวันพุธ และจะพยายามเปลี่ยนแปลงข้อตกลง Brexit ที่ทำไว้ในปีที่ผ่านมา
หุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป ซึ่งเป็นธนาคารของอังกฤษ พุ่ง 5.28% หลังธนาคารเปิดเผยแผนการซื้อคืนหุ้น และกำหนดเป้าหมายการปรับลดต้นทุน
หุ้นเกล็นคอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองของสวิตเซอร์แลนด์ ปรับตัวขึ้น 2.33% หลังประกาศแผนซื้อคืนหุ้นครั้งใหม่มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์
แต่หุ้นเจ เซนส์บิวรี ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกของอังกฤษ ร่วง 15.16% หลังสำนักงานควบคุมตลาดและการแข่งขันของอังกฤษระบุว่า อาจคัดค้านแผนการควบรวมกิจการระหว่างเจ เซนส์บิวรีและบริษัทเอสด้า กรุ๊ป