ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงในวันนี้ โดยได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาดของโฮม ดีโปท์ อิงค์ รวมทั้งการที่หุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ ถูกปรับลดอันดับความน่าลงทุน
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้
ณ เวลา 22.52 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,013.75 จุด ลดลง 78.20 จุด หรือ 0.30%
นายพาวเวลกล่าวในวันนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่ง แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยง ซึ่งเฟดกำลังจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะปรับนโยบาย หากมีความจำเป็น
"ขณะที่เรามองดูสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันว่ามีความแข็งแกร่ง และมีแนวโน้มที่สดใส แต่ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เราได้เห็นปัญหา และสัญญาณที่ขัดแย้งกัน ขณะที่ตลาดการเงินมีความผันผวนจนถึงช่วงปลายปีที่แล้ว และสภาวะทางการเงินไม่ได้ช่วยสนับสนุนมากนักต่อการขยายตัวเมื่อเทียบกับช่วงต้นปีที่แล้ว" นายพาวเวลกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้
ส่วนในวันพรุ่งนี้ นายพาวเวลจะกล่าวถ้อยแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร
นายพาวเวลระบุว่า เฟดจะจับตาเศรษฐกิจจีนและยุโรป รวมทั้งการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังกล่าวว่า เฟดพร้อมที่จะปรับรายละเอียดของการปรับลดงบดุล โดยจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจและการเงิน ส่วนในระยะยาว ขนาดงบดุลของเฟดจะถูกกำหนดจากอุปสงค์สำหรับการก่อหนี้ของเฟด ซึ่งได้แก่ สกุลเงิน และทุนสำรองธนาคาร
การแสดงความเห็นของนายพาวเวลในวันนี้เกี่ยวกับการปรับลดงบดุล ถือว่าแตกต่างจากในเดือนธ.ค.ปีที่แล้ว ซึ่งเขาระบุว่า เฟดจะเดินหน้าปรับลดงบดุลโดยอัตโนมัติ ซึ่งสร้างความตื่นตระหนกต่อนักลงทุน เนื่องจากกังวลว่าการปรับลดงบดุลของเฟดจะเป็นปัจจัยกดดันตลาด
ทั้งนี้ เฟดได้เริ่มการปรับลดงบดุลในเดือนต.ค.2560 โดยขณะนั้นงบดุลของเฟดมีมูลค่าสูงกว่า 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ และขณะนี้อยู่ที่ระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งในการปรับลดงบดุลนั้น เฟดจะปล่อยให้พันธบัตรจำนวนหนึ่งครบอายุโดยไม่มีการนำรายได้ไปลงทุนในพันธบัตรใหม่ ซึ่งวงเงินการปรับลดงบดุลสูงสุดคือ 5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน
โฮม ดีโปท์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยกำไร, รายได้และยอดขายในไตรมาส 4 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ โฮม ดีโปท์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไร 2.09 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.16 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 2.649 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.657 หมื่นล้านดอลลาร์
ส่วนยอดขายของบริษัทเติบโต 3.2% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 4.5%
ราคาหุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ดิ่งลงในวันนี้ หลังธนาคารยูบีเอสประกาศปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ โดยระบุถึงอุปสงค์ในภาคก่อสร้างที่ชะลอตัวลงทั่วโลก
ยูบีเอสปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ สู่ sell จากเดิมที่ buy
ขณะเดียวกัน ยูบีเอสยังได้ปรับลดตัวเลขเป้าหมายราคาหุ้นแคทเธอร์ พิลลาร์ในช่วง 12 เดือน สู่ระดับ 125 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 154 ดอลลาร์
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในวันนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีในเดือนธ.ค. โดยร่วงลง 11.2% เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.078 ล้านยูนิต จากระดับ 1.214 ล้านยูนิตในเดือนพ.ย. ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนส.ค.2558 และชะลอตัวลงจากระดับ 5.1% ในเดือนพ.ย.
ราคาบ้านไม่ได้รับแรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการจำนอง
อย่างไรก็ดี ผลสำรวจความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐได้ช่วยหนุนตลาด โดย Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 131.4 ในเดือนก.พ. จากระดับ 121.7 ในเดือนม.ค.
ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นของตลาดหุ้น รวมทั้งการยุติการปิดหน่วยงานรัฐบาล (ชัตดาวน์)
นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันดีดตัวแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2543 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในช่วง 6 เดือนข้างหน้าปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน