ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 69.16 จุด เหตุนักลงทุนผิดหวังซัมมิต"ทรัมป์-คิม"

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 1, 2019 06:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐและเกาหลีเหนือที่ปิดฉากลงโดยไม่มีการทำข้อตกลงใดๆ รวมทั้งความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และความไม่แน่นอนของการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยความวิตกกังวลในเรื่องเหล่านี้ได้บดบังปัจจัยบวกจากตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2561

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,916.00 จุด ลดลง 69.16 จุด หรือ -0.27% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,784.49 จุด ลดลง 7.89 จุด หรือ -0.28% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,532.53 จุด ลดลง 21.98 จุด หรือ -0.29%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กอ่อนแรงลงหลังจากการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ และนายคิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงฮานอยของเวียดนาม ได้ปิดฉากลงโดยทั้งสองฝ่ายไม่ได้ทำข้อตกลงใดๆร่วมกัน นอกจากนี้ การประชุมยังจบลงเร็วกว่ากำหนดการเดิมที่วางไว้ และไม่มีการออกแถลงการณ์ร่วมของผู้นำทั้งสองฝ่ายเช่นกัน

ปธน.ทรัมป์ได้จัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมที่กรุงฮานอยเมื่อวานนี้ว่า นายคิมต้องการให้สหรัฐยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจต่อเกาหลีเหนือทั้งหมด แต่สหรัฐยังไม่สามารถทำได้ในขณะนี้ พร้อมระบุว่า แม้เกาหลีเหนือเต็มใจที่จะดำเนินการในหลายประเด็น แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สหรัฐต้องการ ด้วยเหตุนี้ สหรัฐจึงเห็นว่ายังไม่เหมาะสมที่จะมีการลงนามข้อตกลงใดๆร่วมกับเกาหลีเหนือในการประชุมสุดยอดครั้งนี้

ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ผลประกอบการในไตรมาส 1/2562 ของบริษัทจดทะเบียนจะปรับตัวลงราว 1.1% ซึ่งสวนทางกับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 จะเพิ่มขึ้น 5.3%

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนของการทำข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังเพิ่มแรงกดดันให้กับตลาด หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐได้ออกมาส่งสัญญาณที่ขัดแย้งกัน โดยเมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐกล่าวว่า การที่สหรัฐและจีนจะบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างถาวรได้นั้น จีนจะต้องดำเนินการมากกว่าแค่เพียงซื้อสินค้าจากสหรัฐมากขึ้น ขณะที่เมื่อวานนี้ นายแลร์รี่ คุดโลว์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังดำเนินไปด้วยดี โดยมีความคืบหน้าอย่างมากในสัปดาห์ที่แล้ว

ดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุร่วงลง 1.27% โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน ดิ่งลง 2% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ ลดลง 0.6% หุ้นซีลด์ แอร์ คอร์ป ร่วงลง 1.2% หุ้นอัลโค อิงค์ ดิ่งลง 4.8% และหุ้นดาว เคมิคอล ร่วงลง 2.7%

ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.5% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.4% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 0.7% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.2%

หุ้นเจซี เพนนีย์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 22.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2561 ที่ระดับ 3.79 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.78 พันล้านดอลลาร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2561 โดยระบุว่ามีการขยายตัว 2.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.3% กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 8,000 ราย สู่ระดับ 225,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกอยู่ที่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วนข้อมูลที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ม.ค., รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนม.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ