ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ หลังมีรายงานว่า สหรัฐและจีนใกล้บรรลุข้อตกลงทางการค้า
ณ เวลา 21.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,133.88 จุด เพิ่มขึ้น 107.56 จุด หรือ 0.41%
ราคาหุ้นโบอิ้งและแคทเธอร์ พิลลาร์พุ่งขึ้นในวันนี้ โดยหุ้นของบริษัททั้งสองถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ
นายเควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว กล่าวว่า นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าของสหรัฐ (USTR) ประสบความคืบหน้าในการเจรจาการค้ากับจีน โดยสหรัฐและจีนอาจบรรลุข้อตกลงทางการค้า
"ผมคิดว่าคุณไลท์ไฮเซอร์ประสบความคืบหน้าอย่างมาก และเราอาจบรรลุข้อตกลงในการเจรจาที่จีน" นายแฮสเซตต์กล่าว
หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า สหรัฐอาจยกเลิกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าเกือบทุกรายการที่ได้บังคับใช้กับจีนตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยคาดว่าผู้นำของทั้งสองประเทศอาจจะบรรลุข้อตกลงการค้าอย่างสมบูรณ์ในการประชุมวันที่ 27 มี.ค.นี้
วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า สหรัฐและจีน "อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการทำข้อตกลงการค้า" โดยจีนเสนอที่จะปรับลดภาษีนำเข้า และผ่อนคลายกฎระเบียบด้านการนำเข้าสินค้าเกษตร เคมีภัณฑ์ รถยนต์ และสินค้าอื่นๆจากสหรัฐ
นายพอล ฮิคคีย์ ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัท บีสโปค กล่าวว่า สถิติที่ผ่านมาบ่งชี้ว่าตลาดหุ้นมักปรับตัวขึ้นในเดือนมี.ค. โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นเฉลี่ย 2.39% ในเดือนมี.ค.ระหว่างปี 2552-2561
"ตลาดหุ้นมีแนวโน้มทรงตัวในช่วงต้นเดือน ก่อนที่จะพุ่งขึ้นในช่วงกลางเดือน" นายฮิคคีย์กล่าว
"ถ้าดัชนี S&P 500 ทะยานขึ้นมากกว่า 10% ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ดัชนีก็ดีดตัวขึ้นในเดือนมี.ค.เป็นจำนวน 5 ใน 6 ครั้งที่เกิดปรากฎการณ์ดังกล่าว" เขากล่าว
นายฮิคคีย์ยังระบุว่า เดือนมี.ค.- เม.ย.มักเป็นช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นปรับตัวแข็งแกร่งที่สุดของปี
ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นเกือบ 12% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ และทะยานขึ้นมากกว่า 19% นับตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีที่แล้ว