ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (6 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนของสหรัฐขยายตัวต่ำกว่าคาดในเดือนก.พ. ขณะที่รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ "Beige Book" ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า ปัญหาชัตดาวน์ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มธุรกิจสุขภาพ และจากการที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอความชัดเจนของการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,673.46 จุด ลดลง 133.17 จุด หรือ -0.52% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,771.45 จุด ลดลง 18.20 จุด หรือ -0.65% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,505.92 จุด ลดลง 70.44 จุด หรือ -0.93%
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 185,000 ตำแหน่ง
ขณะที่เฟดเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจทั้ง 12 เขต หรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า เศรษฐกิจใน 10 เขตจากทั้งหมด 12 เขตนั้น มีการขยายตัวเล็กน้อยถึงปานกลางในช่วงปลายเดือนม.ค.จนถึงก.พ.ปีนี้ นอกจากนี้ ราวครึ่งหนึ่งของเขตต่างๆที่ได้รับการสำรวจนั้น ระบุว่า การที่หน่วยงานของรัฐบาลปิดทำการชั่วคราวเนื่องจากขาดแคลนงบประมาณ (ชัตดาวน์) ในช่วงปลายเดือนธ.ค. 2561 จนถึงเดือนม.ค. 2562 นั้น ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงในบางภาคส่วน ซึ่งรวมถึงธุรกิจค้าปลีก อุตสาหกรรมรถยนต์ ธุรกิจการท่องเที่ยว อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคาร อุตสาหกรรมการผลิต และการบริการ
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI หลังจากสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐพุ่งขึ้นมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.1% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ดิ่งลง 2% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 1.9% หุ้นมาราธอน ออยล์ ร่วงลง 2.4% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 4.8%
หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพยังคงร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับนโยบายการกำหนดราคายาและการใช้กฎข้อบังคับในการกำกับดูแลธุรกิจด้านสุขภาพ รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า นายสก็อตต์ ก็อทลีบ เจ้าหน้าที่ระดับสูงสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ (FDA) ได้ประกาศลาออก ทั้งนี้ หุ้นไฟเซอร์ ร่วงลง 2.4 หุ้นเมดโทรนิค ลดลง 0.7% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ดิ่งลง 5% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ป ร่วงลง 1% หุ้นโมลินา เฮลธ์แคร์ ร่วงลง 3.4% หุ้นเฮลธ์แคร์ เซอร์วิส กรุ๊ป ร่วงลง 1.1%
หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดปิดตลาดดิ่งลง 7.9% เมื่อคืนนี้ หลังจากผู้บริหารของบบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการของธุรกิจด้านอุตสาหกรรมในปีนี้
หุ้นดอลลาร์ ทรี อิงค์ ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐที่จำหน่ายสินค้าทุกชนิดในราคาเพียง 1 ดอลลาร์ พุ่งขึ้น 5.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายเพิ่มขึ้น 2.40% ในไตรมาส 4/2561 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.49%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่ส่งผลต่อภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สหรัฐขาดดุลการค้า 6.210 แสนล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นตัวเลขขาดดุลการค้าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 โดยจีนนับเป็นประเทศคู่ค้าที่สหรัฐขาดดุลการค้ามากที่สุด ตามมาด้วยเม็กซิโก, เยอรมนี และญี่ปุ่น
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/2561
นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 3.9%
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอความชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยรายงานล่าสุดระบุว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพยายามอย่างหนักเพื่อให้สหรัฐและจีนสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้า เนื่องจากเขาหวังว่า การบรรลุข้อตกลงดังกล่าวจะส่งผลให้ตลาดหุ้นทะยานขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของเขาในปีหน้า