ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (7 มี.ค.) หลังจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ พร้อมประกาศเปิดตัวโครงการปล่อยกู้เพื่อช่วยเหลือภาคธนาคารของยูโรโซน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของ ECB ส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,473.23 จุด ลดลง 200.23 จุด หรือ -0.78% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,748.93 จุด ลดลง 22.52 จุด หรือ -0.81% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,421.46 จุด ลดลง 84.46 จุด หรือ -1.13%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจโลก หลังจาก ECB ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนในปีนี้ สู่ระดับ 1.1% จากเดิมที่คาดการณ์ในเดือนธ.ค.ปีที่แล้วว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 1.7% ขณะเดียวกัน ECB ส่งสัญญาณว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไปอย่างน้อยจนถึงสิ้นปีนี้
นอกจากนี้ ECB ยังประกาศเปิดตัวเปิดตัวโครงการปล่อยเงินกู้ครั้งใหม่เพื่อช่วยเหลือภาคธนาคารในการปล่อยสินเชื่อในยูโรโซน โดย ECB จะปล่อยเงินกู้รีไฟแนนซ์ระยะยาวรายไตรมาสครั้งที่ 3 (TLTRO-III) ซึ่งจะเริ่มต้นในเดือนก.ย.ในปีนี้ และสิ้นสุดในเดือนมี.ค.2564 โดยเงินกู้แต่ละงวดมีอายุ 2 ปี
ทั้งนี้ TLTRO เป็นโครงการปล่อยเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำของ ECB ให้แก่ธนาคารต่างๆ เพื่อให้ธนาคารเหล่านี้ปล่อยสินเชื่อแก่ผู้บริโภค และนักลงทุนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยโครงการ TLTRO ครั้งนี้ นับเป็นโครงการปล่อยเงินกู้ครั้งที่ 3 ของ ECB นับตั้งแต่ปี 2557
นายมาริโอ ดรากี ประธาน ECB กล่าวในแถลงการณ์หลังการประชุมเมื่อวานนี้ว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภูมิรัฐศาสตร์, ภัยคุกคามจากมาตรการกีดกันทางการค้า และความเปราะบางของตลาดเกิดใหม่ ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่มขนส่งร่วงลง นำโดยหุ้นเฟดเอ็กซ์ ดิ่งลง 3% หลังจากซิตี้กรุ๊ปได้ปรับลดคาดการณ์ผลกำไรรายไตรมาสของเฟดเอ็กซ์ ขณะที่หุ้นยูเนียน แปซิฟิก ลดลง 0.6% หุ้นยูไนเต็ด คอนติเนนตัล โฮลดิ้งส์ ร่วงลง 2.04% หุ้นไรเดอร์ ซิสเต็มส์ ดิ่งลง 2%
หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคปรับตัวลง นำโดยหุ้นโครเกอร์ ดิ่งลง 10% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) ลดลง 0.4% หุ้นเป๊ปซี่โค ลดลง 0.5% และหุ้นโคคา โคลา ปรับตัวลง 0.4%
หุ้นกลุ่มการเงินปรับตัวลงเช่นกัน โดยหุ้นเจพี มอร์แกน ลดลง 0.7% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.4% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.1% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ปรับตัวลง 0.3% และหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.01%
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเป็นหุ้นที่สามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจ (defensive stocks) และมีปัจจัยพื้นฐานดีนั้น ดีดตัวขึ้นสวนทางการติดลบของตลาด โดยหุ้นพีจีแอนด์อี กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4% หุ้นเอ็กเซลอน ปรับตัวขึ้น 0.25% และหุ้นเฟิร์สท์เอนเนอร์จี ปรับตัวขึ้น 0.15%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 223,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะทรงตัวที่ระดับ 225,000 ราย
กระทรวงแรงงานสหรัฐยังระบุว่า ประสิทธิภาพในการผลิตของแรงงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.9% ในไตรมาส 4 เมื่อเทียบรายไตรมาส หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.8% ในไตรมาส 3 และพุ่งขึ้น 3.0% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2558
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนม.ค. และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 180,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. และคาดว่าอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 3.9%