ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น นำโดยหุ้นแอปเปิลที่ปิดตลาดพุ่งขึ้นกว่า 3% ขณะที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกปรับตัวขึ้นหลังจากสหรัฐรายงานยอดค้าปลีกที่ขยายตัวได้ดีเกินคาด โดยปัจจัยดังกล่าวช่วยสกัดแรงลบจากการร่วงลงอย่างหนักของหุ้นโบอิ้ง หลังจากเกิดเหตุการณ์เครื่องบิน Boeing 737 MAX 8 ของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ประสบอุบัติเหตุตกเมื่อวันอาทิตย์ จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารและลูกเรือเสียชีวิตทั้งหมด
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,650.88 จุด เพิ่มขึ้น 200.64 จุด หรือ +0.79% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,783.30 จุด เพิ่มขึ้น 40.23 จุด หรือ +1.47% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,558.06 จุด เพิ่มขึ้น 149.92 จุด หรือ +2.02%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีนำตลาดพุ่งขึ้น โดยหุ้นแอปเปิล ซึ่งเป็นหนึ่งในหลักทรัพย์จำนวน 30 หลักทรัพย์ที่ใช้คำนวณดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดทะยานขึ้น 3.5% หลังจากแบงก์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของแอปเปิล สู่ระดับ buy จากเดิมที่ neutral พร้อมกับปรับเพิ่มราคาเป้าหมายระยะ 12 เดือนของแอปเปิลสู่ระดับ 210 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 180 ดอลลาร์
ส่วนหุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นอเมซอนดอทคอม ทะยานขึ้น 3.07% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 2.1% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 1.7% ส่วนหุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 7% ขานรับข่าวที่ว่า Nvidia เสนอซื้อกิจการบริษัทแมลลาน็อกซ์ เทคโนดลยี ซึ่งเป็นผู้ออกแบบชิพสัญชาติอิสราเอล มูลค่า 6.8 พันล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มค้าปลีกดีดตัวขึ้น หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนม.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัว โดยหุ้นเมซีส์ อิงค์ พุ่งขึ้น 2.08% หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ปรับตัวขึ้น 1.8% หุ้นทาร์เก็ต เพิ่มขึ้น 0.6% หุ้นนอร์ดสตรอม เพิ่มขึ้น 1.03% หุ้นโคห์ล คอร์ป พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นโลว์ส เพิ่มขึ้น 1.08% หุ้นเบสท์ บาย พุ่งขึ้น 2% หุ้นเกมสต็อป เพิ่มขึ้น 2.6% และหุ้นอเมริกัน อีเกิล เอาท์ฟิทเทอร์ส ทะยานขึ้น 4.4%
หุ้นกลุ่มผู้ผลิตยุทธปัจจัยด้านกลาโหมพุ่งขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เสนอให้สภาคองเกรสเพิ่มงบประมาณทางทหารและการก่อสร้างกำแพงกั้นแนวชายแดนเม็กซิโก โดยหุ้นนอร์ทธอร์ป กรัมแมน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 1.2% และหุ้นล็อคฮีด มาร์ติน ดีดตัวขึ้น 1.1% หุ้นเจเนอรัล ไดนามิกส์ พุ่งขึ้น 2.03% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ เพิ่มขึ้น 1.6% และหุ้นเท็กซ์ทรอน อิงค์ พุ่งขึ้น 1.9%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อช่วงท้ายตลาด โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.3% และหุ้นเอเค สตีล โฮลดิ้งส์ ทะยานขึ้น 5.4% หุ้น 3M พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก เพิ่มขึ้น 1.3% และหุ้นอีตัน คอร์ป พุ่งขึ้น 1.2%
อย่างไรก็ตาม หุ้นโบอิ้งซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นบริษัทยักษ์ใหญ่ในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น ปิดตลาดร่วงลง 5.3% หลังจากเครื่องบิน Boeing 737 MAX 8 ของสายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์เกิดอุบัติเหตุตกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้โดยสารและลูกเรือ 157 รายเสียชีวิตทั้งหมด โดยอุบัติเหตุดังกล่าวนับเป็นโศกนาฎกรรมร้ายแรงครั้งที่ 2 ที่เกิดขึ้นกับเครื่องบิน Boeing 737 MAX 8 ซึ่งเป็นเครื่องบินรุ่นที่ขายดีที่สุดของโบอิ้ง หลังจากที่เครื่องบินรุ่นดังกล่าวของสายการบินไลอ้อนแอร์ ได้เกิดอุบัติเหตุตกลงนอกชายฝั่งอินโดนีเซียในเดือนต.ค.ปีที่แล้ว ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตรวม 189 ราย
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ., ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนมี.ค.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน