ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับต่อการที่รัฐสภาอังกฤษลงมติปฏิเสธการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) แบบไร้ข้อตกลงเมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา และตลาดยังได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มธนาคาร แม้หุ้นกลุ่มเหมืองลดลงหลังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนที่ชะลอการขยายตัว
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,185.43 จุด เพิ่มขึ้น 26.24 จุด หรือ +0.37%
ตลาดปรับตัวขึ้น หลังนักลงทุนขานรับรัฐสภาอังกฤษลงมติปฏิเสธกระบวนการ Brexit แบบไร้ข้อตกลง และนักลงทุนจับตารอการลงมติต่อไปเพื่อเลื่อนกำหนดเวลา Brexit ออกไปจากวันที่ 29 มี.ค.
ทั้งนี้ หลังจากปิดตลาด รัฐสภาอังกฤษลงมติด้วยคะแนนเสียง 412-202 เสียง เรียกร้องให้ EU ขยายกำหนดเส้นตาย Brexit ออกไป 3 เดือน หรือจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. แต่ข้อเรียกร้องนี้จะต้องได้รับความเห็นชอบจากทาง EU และการขยายกำหนดเส้นตายดังกล่าวอยู่บนเงื่อนไขที่ว่า รัฐสภาจะต้องให้ความเห็นชอบต่อข้อตกลง Brexit ที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ จะยื่นเข้าสู่การพิจารณาของสภาเป็นครั้งที่ 3 ในวันที่ 20 มี.ค.
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ บวก 1.86% และหุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.97%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเหมืองปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานเมื่อวานนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ. ขยายตัว 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนธ.ค. 2561 ที่มีการขยายตัว 5.7%
ทั้งนี้ จีนเป็นประเทศผู้ซื้อทรัพยากรธรรมชาติรายใหญ่
หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ลบ 1.45% หุ้นริโอ ทินโต ลดลง 0.32% และ หุ้นเกล็นคอร์ ปรับตัวลง 0.37%