ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (18 มี.ค.) และดัชนี FTSE 100 แตะระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน หลังได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังนายจอห์น เบอร์คาว ประธานรัฐสภาอังกฤษ ออกโรงเตือนนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไม่ให้นำข้อตกลงว่าด้วยการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่มีเนื้อหาไม่แตกต่างจาก 2 ฉบับแรก เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในสัปดาห์นี้ ขณะที่การทะยานขึ้นของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และน้ำมันช่วยหนุนตลาดด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,299.19 จุด เพิ่มขึ้น 70.91 จุดหรือ +0.98%
ตลาดปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากค่าเงินปอนด์ที่อ่อนลง ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก หลังนายเบอร์คาวยืนยันว่า รัฐบาลอังกฤษจะไม่สามารถส่งข้อตกลง Brexit เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเป็นครั้งที่ 3 ถ้าหากมีเนื้อหาเหมือนกับ 2 ฉบับแรก
ท่าทีของประธานรัฐสภาอังกฤษได้สร้างอุปสรรคต่อนางเมย์ ซึ่งต้องการส่งข้อตกลงดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเป็นครั้งที่ 3 โดยหวังว่ารัฐสภาจะให้การอนุมัติ แทนที่จะเสี่ยงทำให้การแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (EU) ต้องล่าช้าออกไป ขณะใกล้เส้นตายวันที่ 29 มี.ค.
หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน โดยหุ้นเชลล์ เพิ่มขึ้น 0.97% และหุ้นบีพี บวก 1.74%
หุ้นกลุ่มเหมืองทะยานขึ้นตามราคาสัญญาล่วงหน้าสินแร่เหล็กจากความวิตกเกี่ยวกับอุปทาน หลังบริษัทเวลปรับลดการผลิต โดยหุ้นเกล็นคอร์ บวก 1.75% และหุ้นริโอ ทินโต บวก 2.79%
หุ้นกลุ่มการเงินได้แรงหนุนขึ้นด้วยรับข่าวธนาคารดอยซ์แบงก์และธนาคารคอมเมิร์ซแบงก์ของเยอรมีจัดการเจรจาเพื่อควบรวมกิจการกัน หุ้นธนาคารลอยด์ แบงกิ้ง เพิ่มขึ้น 0.82% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง บวก 0.29%
หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค พุ่งขึ้น 2.61% ขณะที่หุ้นอิมพีเรียล แบรนด์ บวก 1.34% หุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ เพิ่มขึ้น 0.73% และหุ้นเอสตราเซเนกา บวก 1.21%