ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 มี.ค.) โดยปรับตัวลงตามตลาดหุ้นอื่นๆ ในยุโรป เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนโดยรวม หลังจากการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของยูโรโซนลดลงในเดือนมี.ค. ขณะที่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ยังคงเป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ เงินปอนด์ที่แข็งค่าขึ้นถ่วงหุ้นกลุ่มส่งออกลงด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,207.59 จุด ลดลง 147.72 จุด หรือ -2.01%
ตลาดปรับตัวลงตามตลาดหุ้นยุโรปอื่นๆ เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน หลังไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.3 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 51.9 ในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ การเปิดเผยดัชนี PMI ที่ลดลงของเยอรมนีและฝรั่งเศส กดดันตลาดลงด้วย โดยไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผย ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของเยอรมนี ลดลงสู่ระดับ 51.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 69 เดือน จากระดับ 52.8 ในเดือนก.พ.
ส่วนดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของฝรั่งเศส ลดลงสู่ระดับ 48.7 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 50.4 ในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ ตลาดยังคงถูกกดดันจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์ Brexit โดยล่าสุดนายโดนัลด์ ทัสก์ ประธานคณะมนตรียุโรป กล่าวว่า 27 ชาติสมาชิกของสหภาพยุโรป (EU) ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ให้เลื่อนเวลา Brexit ตามคำเรียกร้องของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
ทั้งนี้ EU ได้ตกลงที่จะขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ไปจนถึงวันที่ 22 พ.ค. หากรัฐสภาอังกฤษลงมติอนุมัติข้อตกลง Brexit ในสัปดาห์หน้า แต่หากข้อตกลง Brexit ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอังกฤษ EU ก็จะขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ออกไปเป็นวันที่ 12 เม.ย.
หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มพลังงานร่วงลงมากที่สุด โดยหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ร่วง 2.70%
หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลบ 0.89% และ หุ้นโททาล ลดลง 2.08% โดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง