ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (25 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้นกว่า 2% หลังจากบริษัทโบอิ้งได้เชิญนักบินและบุคลากรทางเทคนิคทั่วโลกเข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการอัพเดทซอฟต์แวร์ระบบควบคุมการบินในเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดในแดนลบ เนื่องจากการร่วงลงของหุ้นแอปเปิลเป็นปัจจัยกดดันตลาด และจากการที่นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,516.83 จุด เพิ่มขึ้น 14.51 จุด หรือ +0.06% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,798.36 จุด ลดลง 2.35 จุด หรือ -0.08% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,637.54 จุด ลดลง 5.13 จุด หรือ -0.07%
หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 2.2% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวก หลังจากบริษัทโบอิ้งได้เชิญนักบิน รวมถึงบุคลากรฝ่ายเทคนิคและกำกับดูแลรวมกันกว่า 200 รายทั่วโลก เพื่อร่วมการประชุมในวันพุธนี้ โดยคาดว่าเป็นการเรียกประชุมเพื่อชี้แจงเกี่ยวกับการอัพเดทซอฟต์แวร์และการฝึกฝนนักบินที่เกี่ยวข้องระบบควบคุมการบินในเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max เพื่อให้เครื่องบินรุ่นดังกล่าวกลับมาให้บริการโดยเร็ว
การประชุมดังกล่าวบ่งชี้ว่าการอัพเดทซอฟต์แวร์ระบบควบคุมการบิน MCAS (Maneuvering Characteristics Augmentation System) ในเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว ขณะที่โฆษกของโบอิ้งระบุว่า ทางบริษัทจะเดินหน้าจัดการประชุมเพิ่มเติมต่อไป เพื่อสื่อสารกับสายการบินทั้งหมดที่ใช้เครื่องบินตระกูล MAX
นอกจากนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังได้แรงหนุนในระดับหนึ่งจากรายงานข่าวที่ว่า ผลการสอบสวนของนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษของสหรัฐ ไม่พบหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ทีมหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สมรู้ร่วมคิดกับรัสเซียเพื่อกระทำการแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปี 2559
อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq และ S&P500 ปิดตลาดในแดนลบ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ได้เกิดภาวะเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐแบบลาดลง หรือ Inverted yield curve เป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ ซึ่งได้จุดชนวนความกังวลในตลาดการเงินทั่วโลกว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากหากมองย้อนกลับไปยังวิกฤติเศรษฐกิจครั้งที่ผ่านๆ มาในอดีตนั้น มักจะเกิด Inverted yield curve ก่อนที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐประมาณ 1 ปี
หุ้นแอปเปิลร่วงลง 1.21% หลังจากบริษัทประกาศเปิดตัวบริการ streaming video ที่ชื่อ Apple TV Plus โดยมีเป้าหมายที่จะขยายฐานรายได้เพื่อรองรับการชะลอตัวของยอดขาย iPhone
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปรับตัวลง 0.24% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.1% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ลดลง 4.5% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ลดลง 0.8% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.07% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวลง 0.4%
นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ โดยคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนในวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ เพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., ราคาบ้านเดือนม.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จาก Conference Board, ดุลการค้าเดือนม.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2561, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ., รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.