ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวก 140.90 จุด หลังราคาน้ำมันพุ่งหนุนหุ้นพลังงาน,หุ้นแบงก์ดีดรับบอนด์ยีลด์มีเสถียรภาพ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 27, 2019 07:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่พุ่งขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเริ่มมีเสถียรภาพ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด โดยรัฐมนตรีคลังและผู้แทนการค้าของสหรัฐจะเดินทางเยือนจีนเพื่อหารือด้านการค้ากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนในสัปดาห์นี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,657.73 จุด เพิ่มขึ้น 140.90 จุด หรือ +0.55% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,818.46 จุด เพิ่มขึ้น 20.10 จุด หรือ +0.72% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,691.52 จุด เพิ่มขึ้น 53.98 จุด หรือ +0.71%

หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดีดตัวขึ้น 1.9% ขานรับการปรับลดกำลังการผลิตของกลุ่มโอเปก โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.03% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 2.3% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 1.3% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.9% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน เพิ่มขึ้น 0.81%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐประเภทอายุ 10 ปีดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนเมื่อคืนนี้ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรประเภทอายุ 3 ปีปรับตัวลดลง ซึ่งช่วยให้เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีความลาดน้อยลง หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่ามา ได้เกิดภาวะ Inverted yield curve หรือเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรลาดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่าทศวรรษ ซึ่งได้จุดชนวนความกังวลในตลาดการเงินทั่วโลกว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย

การที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเริ่มมีเสถียรภาพเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.16% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นซิตี้กรุ๊ป พุ่งขึ้น 1.5% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 1% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 1.9% และหุ้นเจพีมอร์แกน เชส เพิ่มขึ้น 1%

หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ซึ่งเป็นผู้จำหน่ายอุปกรณ์ซ่อมแซมและตกแต่งบ้าน ทะยานขึ้น 22% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า ทางบริษัทเตรียมปรับโครงสร้างผู้บริหาร

หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 1.03% ขณะที่หุ้นควอลคอมม์ พุ่งขึ้น 2.4% หลังจากคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐได้ตัดสินให้ควอลคอมม์ อิงค์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ของโลก เป็นผู้ชนะคดี หลังจากควอลคอมม์ได้ยื่นฟ้องต่อศาลสูงรัฐแคลิฟอร์เนียว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์ได้ขโมยข้อมูลที่เป็นความลับ และความลับทางการค้า เพื่อนำไปให้บริษัทอินเทล ซึ่งเป็นคู่แข่งของควอลคอมม์ ทำการพัฒนาชิพที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

นักลงทุนยังคงจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนในสัปดาห์นี้ โดยคณะผู้แทนการค้าสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ จะเดินทางเยือนกรุงปักกิ่งของจีนในวันที่ 28-29 มี.ค.นี้ เพื่อเจรจากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย. สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 124.1 ในเดือนมี.ค. จากระดับ 131.4 ในเดือนก.พ.และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 133 โดยดัชนีดังกล่าวเป็นการสำรวจมุมมองของผู้บริโภค และความเชื่อมั่นต่อสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน และในช่วง 6 เดือนข้างหน้า, สถานะการเงินส่วนบุคคล และการจ้างงาน

ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลงสวนทางคาดการณ์ในเดือนก.พ. โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของการก่อสร้างบ้านสำหรับครอบครัวเดี่ยว ทั้งนี้ ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านร่วงลง 8.7% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.162 ล้านยูนิต แตะระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดุลการค้าเดือนม.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2561, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2561, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.พ., รายได้ส่วนบุคคลเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ