ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 มี.ค.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา และนักลงทุนยังคงกังวลกับความไม่แน่นอนของกระบวนการที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยความกังวลในเรื่องดังกล่าวได้สกัดปัจจัยบวกจากความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน
ดัชนี Stoxx Europe ลบ 0.12% ปิดที่ 376.84 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,296.54 จุด ลดลง 4.69 จุด หรือ -0.09% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,428.16 จุด เพิ่มขึ้น 9.12 จุด หรือ +0.08% ขณะที่ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,234.33 จุด เพิ่มขึ้น 40.14 จุด หรือ +0.56%
ตลาดปรับตัวลง หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการขั้นสุดท้ายสำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2561 โดยมีการขยายตัวเพียง 2.2% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.4% และต่ำกว่าระดับ 2.6% ซึ่งมีการรายงานในเดือนก.พ.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงกังวลกับสถานการณ์ Brexit โดยล่าสุดรัฐสภาอังกฤษเห็นชอบที่จะทำการลงมติข้อตกลง Brexit ในวันศุกร์นี้ หลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากประธานรัฐสภาเมื่อวานนี้ ซึ่งการลงมติดังกล่าวถือเป็นการลงมติครั้งที่ 3 ต่อข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงมากที่สุด ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศยุโรปที่ยังคงลดลง ซึ่งทำให้เกิดความวิตกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว
หุ้นดอยซ์ แบงก์ ร่วง 3.42% และหุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ลดลง 3.32%
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารของสวีเดนร่วงลงมากที่สุด เนื่องจากตลาดวิตกว่า กรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับการฟอกเงินของธนาคารสเวดแบงก์ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดของสวีเดน จะลุกลามไปยังธนาคารอื่นๆ
หุ้นสเวดแบงก์ร่วง 7.78% ขณะที่หุ้นเอสอีบี และ หุ้นฮันเดลสแบงเคน ร่วง 6.94% และ 6.30% ตามลำดับ