ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (28 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์และเหมืองแร่ ขณะที่เงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออก นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนช่วยหนุนตลาดด้วย ขณะที่นักลงทุนยังคงจับตากระบวนการที่อังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,234.33 จุด เพิ่มขึ้น 40.14 จุด หรือ +0.56%
ตลาดปรับตัวขึ้นโดยได้ปัจจัยหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนมีความคืบหน้าในทุกด้าน ขณะที่จีนได้ยื่นข้อเสนอที่ไม่เคยมีขึ้นมาก่อนเกี่ยวกับการถ่ายโอนเทคโนโลยี โดยการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนกำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีเป้าหมายที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าภายในสิ้นเดือนเม.ย.
ทั้งนี้ คณะผู้แทนการค้าสหรัฐ ซึ่งนำโดยนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ ได้เดินทางไปยังกรุงปักกิ่งของจีนเพื่อทำการเจรจาการค้ากับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน โดยการเจรจามีขึ้นในวันที่ 28-29 มี.ค. จากนั้นนายหลิว เหอ และคณะ จะเดินทางไปยังกรุงวอชิงตันในสัปดาห์แรกของเดือนเม.ย. เพื่อหารือกับคณะเจรจาการค้าของสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง เนื่องจากสถานการณ์ Brexit ยังไร้ทิศทาง โดยล่าสุด รัฐสภาอังกฤษเห็นชอบที่จะทำการลงมติต่อข้อตกลง Brexit ในวันศุกร์นี้ ซึ่งนับเป็นการลงมติครั้งที่ 3 ต่อข้อตกลง Brexit ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์และกลุ่มเหมืองแร่หนุนตลาดปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเอสตราเซเนากา บวก 2.20% และหุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ เพิ่มขึ้น 1.60%
หุ้นอันโตฟากัสตา บวก 0.97% หุ้นริโอ ทินโต เพิ่มขึ้น 1.42%และ หุ้นบีเอชพี ปรับตัวขึ้น 1.24%