ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลแรงงานที่แข็งแกร่งของสหรัฐ รวมทั้งสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนลบ หลังจากหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง ขณะที่หุ้นเทสลาดิ่งลงกว่า 8% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดการจัดส่งรถยนต์ที่ทรุดตัวลงในไตรมาสแรกปีนี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,384.63 จุด เพิ่มขึ้น 166.50 จุด หรือ +0.64% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,879.39 จุด เพิ่มขึ้น 5.99 จุด หรือ +0.21% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,891.78 จุด ลดลง 3.77 จุด หรือ -0.05%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 6 โดยตลาดได้ปัจจัยหนุนจากข้อมูลของกระทรวงแรงงานสหรัฐที่ระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 202,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 มี.ค. โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค. 2512 หรือในรอบ 49 ปี หลังจากที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง 3 สัปดาห์ และลดลงอย่างมากเมื่อเทียบกับระดับ 244,000 รายในช่วงปลายเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากความหวังในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยสื่อต่างประเทศรายงานว่า สหรัฐและจีนกำลังร่างข้อตกลงการค้า ซึ่งหากข้อตกลงดังกล่าวเป็นผลสำเร็จแล้ว ก็จะนำไปสู่พิธีลงนามระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เข้าพบปะกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรี ในวันพฤหัสบดีตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันศุกร์ตามเวลาไทย ขณะที่เจ้าหน้าที่รายหนึ่งของทำเนียบขาวคาดว่า ปธน.ทรัมป์อาจจะประกาศแผนการจัดประชุมสุดยอดร่วมกับปธน.สี จิ้นผิง ในระหว่างการพบปะกับนายหลิวในครั้งนี้ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า การเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศอาจใกล้ได้ข้อสรุปแล้ว
หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.9% ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ปิดในแดนบวก หลังจากสำนักงานการบินพลเรือนสหรัฐ (FAA) ได้จัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจเพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX และวิเคราะห์ซอฟต์แวร์ป้องกันเครื่องตกของเครื่องบินโบอิ้งรุ่นดังกล่าว
หุ้นกลุ่มวัสดุปรับตัวขึ้น โดยหุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน พุ่งขึ้น 3% หุ้นวัลแคน มาเทเรียลส์ เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นซีลด์ แอร์ คอร์ป เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นอัลโค อิงค์ พุ่งขึ้น 2.1%
หุ้นเฟซบุ๊ก ดีดตัวขึ้น 1.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ Guggenheim ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนของหุ้นเฟซบุ๊กขึ้นสู่ระดับ "buy" จากระดับ "neutral"
อย่างไรก็ตาม หุ้นตัวอื่นๆในกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวลง 0.5% หุ้นอเมซอนดอทคอม ขยับลง 0.1% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 0.5% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ลดลง 0.25% และหุ้นไมครอน เทคโนโลยีส์ ร่วงลง 2.3%
ส่วนหุ้นเทสลา ร่วงลง 8.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยว่า ยอดจัดส่งรถยนต์ในไตรมาสแรกปีนี้ ร่วงลง 31% สู่ระดับ 63,000 คัน จากระดับของไตรมาส 4 ปีที่แล้ว นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยเจพีมอร์แกน เชส และเดลต้า แอร์ไลน์ มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้า นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งคาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 175,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8%