ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (4 เม.ย.) โดยหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองแร่นำตลาดปรับตัวลง หลังถูกกดดันจากการที่สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีร่วงลงในเดือนก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนยังคงมุ่งความสนใจไปที่กระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,401.94 จุด ลดลง 16.34 จุด หรือ -0.22%
ตลาดปรับตัวลง หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานเมื่อวานนี้ว่า ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานของเยอรมนีร่วงลง 4.2% ในเดือนก.พ. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% หลังจากอุปสงค์จากประเทศนอกกลุ่มยูโรโซนร่วงลงอย่างต่อเนื่อง และหากเทียบเป็นรายปี ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ.ของเยอรมนีร่วงลงถึง 8.4%
บรรดานักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ Brexit ขณะที่พรรคอนุรักษ์นิยมและพรรคแรงงานได้เจรจาร่วมกันต่อเป็นวันที่ 2 เมื่อวานนี้ เพื่อหาทางออกให้กับข้อตกลง Brexit โดยนายเคียร์ สตาร์เมอร์ รัฐมนตรีเงาด้าน Brexit กล่าวว่า อาจจะมีการหารือเกี่ยวกับการลงประชามติเพื่อยืนยันเกี่ยวกับข้อตกลง Brexit
ทั้งนี้ อังกฤษมีกำหนดออกจากการเป็นสมาชิก EU ในวันที่ 12 เม.ย. ในขณะที่ข้อตกลงในการถอนตัวยังไม่เรียบร้อยแต่อย่างใด
รัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ได้ออกมาเตือนถึงเรื่องร่างกฏหมายที่พรรคแรงงานผลักดันว่า อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะถอนตัวแบบปราศจากข้อตกลง
รัฐสภาอังกฤษมีแนวโน้มว่า จะไม่สนใจแนวทางในการทำข้อตกลงกับผู้นำ EU ของนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ในวันที่ 10 เม.ย. ก่อนที่จะถึงเส้นตายใหม่ของการถอนตัวในวันที่ 12 เม.ย. เพราะต้องการให้ Brexit เกิดขึ้นหลังจากนั้น และการที่จะชะลอกระบวนการ Brexit ได้นั้น จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจาก EU ซึ่งจะประชุมสุดยอดในวันพุธหน้า ขณะที่การเจรจาระหว่างนางเมย์ และนายเจเรมี คอร์บิน เป็นไปอย่างสร้างสรรค์เมื่อวานนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเหมืองร่วงลง โดยหุ้นเซนทริกา ดิ่งลง 1.80% หุ้นบีพี ลดลง 0.12% และ หุ้นอันโตฟากัสตา ปรับตัวลง 1.35%