ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (5 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งของสหรัฐ ซึ่งทำให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ และ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มที่สหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,424.99 จุด เพิ่มขึ้น 40.36 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,892.74 จุด เพิ่มขึ้น 13.35 จุด หรือ +0.46% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,938.69 จุด เพิ่มขึ้น 46.91 จุด หรือ +0.59%
ตลาดปรับตัวขึ้น หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 196,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. โดยสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 175,000 ตำแหน่ง และสูงกว่าระดับ 20,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2560 ก่อนที่จะมีการปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 33,000 ตำแหน่ง ขณะที่อัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 3.8% ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐ เรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง และซื้อสินทรัพย์ เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัว โดยปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า หากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย เศรษฐกิจสหรัฐก็จะพุ่งขึ้นเหมือนจรวด
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากคาดการณ์ความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงระบุในสาส์นถึงปธน.ทรัมป์ว่า มีความคืบหน้าอย่างมากในข้อตกลงด้านเศรษฐกิจและการค้าระหว่างจีนและสหรัฐในช่วงกว่า 1 เดือนที่ผ่านมา
ทางด้านปธน.ทรัมป์ก็กล่าวว่า สหรัฐและจีนใกล้จะบรรลุข้อตกลงการค้า โดยคาดว่าจะมีการประกาศการบรรลุข้อตกลงการค้าภายในเวลา 4 สัปดาห์ และระบุว่า เขาจะจัดการประชุมสุดยอดร่วมกับปธน.สี จิ้นผิง หากทั้งสองฝ่ายสามารถบรรลุข้อตกลงการค้า
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบทะยานขึ้นเหนือระดับ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ย. โดยหุ้นอาปาเช่ พุ่งขึ้น 6.9% หุ้นเอ็กซอน โมบิล บวก 0.55% และ หุ้นเชฟรอน ปรับตัวขึ้น 1.3%
บรรดานักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยเจพีมอร์แกน เชส และเดลต้า แอร์ไลน์ มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้า