ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (9 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากการที่สหรัฐขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าของสหภาพยุโรป (EU) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ขณะที่หุ้นกลุ่มน้ำมันขนาดใหญ่ปรับตัวลง หลังรัสเซียส่งสัญญาณเพิ่มการผลิตน้ำมัน และนักลงทุนยังคงรอดูความคืบหน้าเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,425.57 จุด ลดลง 26.32 จุด หรือ -0.35%
ตลาดปรับตัวลง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความระบุว่า สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจาก EU คิดเป็นมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่องค์การการค้าโลก (WTO) มีคำตัดสินระบุว่า การที่ EU ให้เงินอุดหนุนแอร์บัส ได้ส่งผลกระทบต่อสหรัฐ
ทางด้านสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าเฮลิคอปเตอร์โดยสาร ชีส ไวน์ ชุดสกี รถจักรยานยนต์บางประเภท และสินค้าประเภทอื่นๆ วงเงินประมาณ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้การที่ EU ใช้มาตรการอุดหนุนแอร์บัส บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินคู่แข่งของบริษัทโบอิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินของสหรัฐ
อย่างไรก็ดี EU ขู่ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐเช่นกัน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ IMF ประกาศปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ สู่ระดับ 3.3% จากเดิมที่ระดับ 3.5% โดยได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและประเทศคู่ค้า รวมทั้งการคุมเข้มนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
อย่างไรก็ดี IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.6% ในปีหน้า ซึ่งเท่ากับการขยายตัวในปี 2561
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์ Brexit โดยล่าสุด นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้เสร็จสิ้นการหารือกับนางอังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังฝรั่งเศส ซึ่งเป็นเวลาเพียง 1 วันก่อนที่สหภาพยุโรป (EU) จะจัดการประชุมสุดยอดในวันพุธนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับการขยายเวลาการบังคับใช้มาตรา 50 ออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะที่อังกฤษแยกตัวออกจาก EU (Brexit) โดยไร้ข้อตกลง
อย่างไรก็ดี ไม่มีการเปิดเผยผลการเจรจาระหว่างนางเมย์และนางแมร์เคิลในวันนี้ ขณะที่โฆษกรัฐบาลเยอรมนีระบุว่า การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมลับ
นางเมย์เข้าพบนางแมร์เคิล และจะเข้าพบนายเอมมานูเอล มาครอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสต่อไป เพื่อผลักดันการเลื่อนกำหนดเส้นตายออกจาก EU เป็นวันที่ 30 มิ.ย. จากเดิมวันที่ 12 เม.ย.
หุ้นเชลล์ และหุ้นบีพี ร่วงลง 1.03% และ 0.77% ตามลำดับ เนื่องจากราคาน้ำมันปรับตัวลง หลังรัสเซียส่งสัญญาณว่า อาจจะผ่อนคลายข้อตกลงลดการผลิตที่ทำไว้กับโอเปก
หุ้นเมลโรส ลดลง 2.28% และหุ้น โรลส์-รอยซ์ ลบ 1.32% โดยถูกกดดันจากข่าวสหรัฐขู่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจาก EU
หุ้นกลุ่มสร้างบ้าน ปรับตัวลง 1.5-2.4% โดยได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับ Brexit