ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (12 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่จีนเปิดเผยยอดส่งออกพุ่งขึ้นในเดือนมี.ค. และนักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่บริษัทจดทะเบียนของสหรัฐซึ่งจะเริ่มทยอยเปิดเผยผลประกอบการไตมาสแรก ขณะที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) หลังจากสหภาพยุโรป (EU) อนุมัติให้อังกฤษเลื่อนกำหนดเวลา Brexit ออกไปอีก 6 เดือน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,437.06 จุด เพิ่มขึ้น 19.11 จุด หรือ +0.26%
ตลาดปรับตัวขึ้น ขานรับข่าวสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานว่า ยอดส่งออกเดือนมี.ค.พุ่งขึ้น 21.3% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี ขณะที่ยอดนำเข้าหดตัวลง 1.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยตัวเลขดังกล่าวคำนวณในรูปสกุลเงินหยวน
มูลค่าการค้าต่างประเทศของจีนในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ เพิ่มขึ้น 3.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 7.01 ล้านล้านหยวน (1.04 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ส่วนยอดส่งออกในไตรมาสแรกขยายตัว 6.7% เทียบรายปี แตะที่ระดับ 3.77 ล้านล้านหยวน ขณะที่ยอดนำเข้าขยับขึ้น 0.3% แตะที่ 3.24 ล้านล้านหยวน
บรรดานักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่บริษัทจดทะเบียนของสหรัฐซึ่งจะเริ่มทยอยเปิดเผยผลประกอบการไตมาสแรก โดยเจพีมอร์แกน เชส และเวลส์ ฟาร์โก เปิดเผยผลกำไรไตรมาสแรกเพิ่มขึ้นเกินคาด
นอกจากนี้ ตลาดยังคลายความวิตกเกี่ยวกับ Brexit หลัง EU อนุมัติให้อังกฤษเลื่อนเวลา Brexit ไปเป็นวันที่ 31 ต.ค. 2562 จากเดิมในวันที่ 12 เม.ย.นี้
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเอชเอสบีซี บวก 1.17% และ หุ้นสแตนชาร์ต พุ่งขึ้น 3.51%