ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันนี้ หลังดีดตัวขึ้นในช่วงแรก ขานรับการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และตัวเลขเศรษฐกิจจีน
ณ เวลา 20.46 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,412.14 จุด ลบ 40.52 จุด หรือ 0.15%
บริษัทจำนวน 84.6% ในดัชนี S&P 500 สามารถรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยดีกว่าที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าบริษัทจดทะเบียนจะรายงานผลประกอบการลดลง 4.2% ในไตรมาสแรก
มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาสแรกสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยธนาคารมีกำไรที่ระดับ 1.39 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.17 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้ 1.03 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.94 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ บริษัทเป๊ปซี่โค เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรและรายได้ในไตรมาสแรกสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยบริษัทมีกำไร 97 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 92 เซนต์/หุ้น และมีรายได้ 1.288 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.270 หมื่นล้านดอลลาร์
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 6.4% ในไตรมาสแรก เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.3%
นอกจากนี้ NBS เปิดเผยว่า ตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้น 8.5% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 5.9%
นักลงทุนยังจับตาการกล่าวสุนทรพจน์ของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลายรายในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจ และอัตราเงินเฟ้อ รวมทั้งทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐในปีนี้
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและยุโรป หลังจากที่คณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยรายการสินค้าของสหรัฐวงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์ที่จะถูกเรียกเก็บภาษี หากสหรัฐเดินหน้าเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากยุโรป
อย่างไรก็ดี รายชื่อสินค้าสหรัฐที่จะถูก EU เรียกเก็บภาษีดังกล่าว จำเป็นต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์จากประชาชนใน EU โดยสินค้าสหรัฐดังกล่าว ได้รวมถึง ปลา บุหรี่ กระเป๋าเดินทาง เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ รถแทรคเตอร์ และคอนโซลวิดีโอเกมส์
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุก่อนหน้านี้ว่า สหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจาก EU คิดเป็นมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ หลังจากที่องค์การการค้าโลก (WTO) มีคำตัดสินระบุว่า การที่ EU ให้เงินอุดหนุนแอร์บัส ได้ส่งผลกระทบต่อสหรัฐ
"WTO พบว่าการที่ EU ให้เงินอุดหนุนแอร์บัส ได้ส่งผลกระทบต่อสหรัฐ และขณะนี้สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจาก EU คิดเป็นมูลค่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งที่ผ่านมา EU ได้เอาเปรียบทางการค้าต่อสหรัฐเป็นเวลาหลายปี แต่ EU จะต้องยุติการกระทำดังกล่าวในไม่ช้า" ปธน.ทรัมป์ระบุ
สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมเรียกเก็บภาษีนำเข้าต่อสินค้าจากยุโรป เช่น เฮลิคอปเตอร์โดยสาร ชีส ไวน์ ชุดสกี รถจักรยานยนต์บางประเภท และสินค้าประเภทอื่นๆ วงเงินประมาณ 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อตอบโต้การที่ EU ใช้มาตรการอุดหนุนแอร์บัส บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินคู่แข่งของบริษัทโบอิ้ง ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินของสหรัฐ
ทั้งนี้ สหรัฐและ EU ต่างกล่าวหาแต่ละฝ่ายว่า ให้เงินอุดหนุนที่ผิดกฎหมายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์แก่โบอิ้งและแอร์บัส เพื่อชิงความได้เปรียบในการแข่งขันในวงการธุรกิจผลิตเครื่องบิน
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนในเดือนก.พ. ขณะที่การส่งออกไปยังจีนพุ่งขึ้น
ทั้งนี้ สหรัฐขาดดุลการค้าลดลง 3.4% สู่ระดับ 4.94 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นตัวเลขขาดดุลการค้าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ปีที่แล้ว หลังจากที่ขาดดุลการค้า 5.11 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค.
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 5.35 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.
สหรัฐขาดดุลการค้าต่อจีนลดลง 28.2% ในเดือนก.พ. สู่ระดับ 2.48 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่การส่งออกไปยังจีนพุ่งขึ้น 18.2% และการนำเข้าจากจีนดิ่งลง 20.2%
หากปรับค่าตามเงินเฟ้อ สหรัฐขาดดุลการค้าลดลง 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 8.18 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ.
กระทรวงพาณิชย์ยังเปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 1.1% สู่ระดับ 2.097 แสนล้านดอลลาร์ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 เดือน ส่วนการนำเข้าสินค้าและบริการเพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 2.591 แสนล้านดอลลาร์