ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (18 เม.ย.) โดยถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มธนาคาร แม้หุ้นยูนิลีเวอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าอุปโภคบริโภคพุ่งขึ้น หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกออกมาดีเกินคาดก็ตาม นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซนที่ต่ำสุดในรอบ 3 เดือน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,459.88 จุด ลดลง 11.44 จุด หรือ -0.15%
ตลาดปรับตัวลง ขณะที่การซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาก่อนวันหยุดยาวเนื่องในเทศกาลอีสเตอร์ในช่วงสุดสัปดาห์นี้ และนักลงทุนชะลอการซื้อขาย เพื่อรอดูการเปิดเผยผลประกอบการจากบริษัทจดทะเบียนที่จะเริ่มขึ้นในสัปดาห์หน้า อาทิ บาร์เคลย์ส, รอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ และ เทย์เลอร์ วิมพีย์
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของยูโรโซน ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.3 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 51.6 ในเดือนมี.ค.
สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 47.8 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน จากระดับ 47.5 ในเดือนมี.ค. แต่ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า กิจกรรมในภาคการผลิตของยูโรโซนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว
ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 52.5 ในเดือนเม.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 53.3 ในเดือนมี.ค.
หุ้นยูนิลีเวอร์ พุ่งขึ้น 2.08% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกดีเกินคาด
ตลาดไม่สามารถปรับตัวขึ้นสู่แดนบวกได้ เนื่องจากหุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มธนาคารปรับตัวลง โดยหุ้นเกล็นคอร์ ลบ 0.62% หุ้นแอนโทฟากัสตา ลดลง 0.88%
หุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิ้งส์ ปรับตัวลง 0.51% และ หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ติดลบ 0.34%