ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 เม.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่จะเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาส ซึ่งรวมถึงบริษัทโบอิ้ง และเฟซบุ๊ก ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 1/2562 ของสหรัฐ ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,511.05 จุด ลดลง 48.49 จุด หรือ -0.18% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,015.27 จุด เพิ่มขึ้น 17.21 จุด หรือ +0.22% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,907.97 จุด เพิ่มขึ้น 2.94 จุด หรือ +0.10%
นักลงทุนจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ โดยโบอิ้ง อเมซอนดอทคอม เฟซบุ๊ก โคคา-โคลา ทวิตเตอร์ ไมโครซอฟท์ และฟอร์ด มอเตอร์ มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสในสัปดาห์นี้
หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.3% เนื่องจากความวิตกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความปลอดภัยของเครื่องบินโบอิ้ง 737 Max และจากรายงานข่าวที่ว่า โบอิ้งยังคงถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดจากสาธารณะและรัฐบาลกลางของสหรัฐ หลังจากเครื่องบินโบอิ้ง 787 Max ของสายการบินไลอ้อนแอร์ประสบอุบัติเหตุตกเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว และเครื่องบินรุ่นเดียวกันของสายการบินเอธิโอเปียนประสบอุบัติเหตุตกในช่วงกลางเดือนมี.ค.ปีนี้ โดยอุบัติเหตุ 2 ครั้งทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 346 คน
หุ้นเทสลา ดิ่งลง 3.9% หลังจากมีการแชร์ภาพวีดิโอบนโซเชียลมีเดีย Weibo ของจีนซึ่งแสดงให้เห็นว่า รถยนต์คันหนึ่งของเทสลารุ่น Model S ได้เกิดระเบิดขึ้นในขณะที่จอดอยู่ ขณะที่เทสลาได้ส่งทีมงานไปตรวจสอบภาพวีดิโอดังกล่าวแล้ว โดยเหตุการณ์ในครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงสองวันก่อนที่เทสลาจะเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 1
หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ซึ่งเป็นผู้ให้บริการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซรายใหญ่ของสหรัฐ ขยับลง 0.1% แม้บริษัทเปิดเผยรายได้ไตรมาส 1 ที่ระดับ 5.737 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.530 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเบด บาธ แอนด์ บียอนด์ ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งและซ่อมแซมบ้านรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4% หลังจากบริษัทประกาศแผนการปรับทีมผู้บริหารตามคำเรียกร้องของกลุ่มผู้ถือหุ้น
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมันในตลาดโลก หลังจากหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ รายงานว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมประกาศยกเลิกคำสั่งผ่อนผันให้ 8 ประเทศนำเข้าน้ำมันจากอิหร่าน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 2.2% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม เพิ่มขึ้น 2% %
หุ้นคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค พุ่งขึ้น 5.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 1 โดยได้ปัจจัยหนุนจากแผนการปรับลดต้นทุนและราคาขายสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองลดลง 4.9% สู่ระดับ 5.21 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.30 ล้านยูนิต จากระดับ 5.48 ล้านยูนิตในเดือนก.พ. และเมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองลดลง 5.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกัน 13 เดือน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนก.พ., ยอดขายบ้านใหม่เดือนมี.ค., ดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดสาขาริชมอนด์, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2562 และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.