ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 เม.ย.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ซึ่งรวมถึงโบอิ้ง เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานที่ร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีอ่อนแรงลง เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่างเฟซบุ๊กและไมโครซอฟท์จะเปิดเผยผลประกอบการ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,597.05 จุด ลดลง 59.34 จุด หรือ -0.22% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,927.25 จุด ลดลง 6.43 จุด หรือ -0.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,102.01 จุด ลดลง 18.81 จุด หรือ -0.23%
บริษัทจดทะเบียนรายใหญ่หลายแห่งได้ทยอยกันเปิดเผยผลประกอบการเมื่อคืนนี้ โดยโบอิ้งเปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรในไตรมาสแรกที่ระดับ 3.16 ดอลลาร์/หุ้น ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ แต่รายได้อยู่ที่ระดับ 2.292 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.298 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ บริษัทยังได้ประกาศลดแนวโน้มผลประกอบการในปี 2562
ทั้งนี้ ผลประกอบการที่อ่อนแอส่งผลให้ราคาหุ้นโบอิ้งร่วงลงในระหว่างวัน ก่อนที่ดีดตัวขึ้นในช่วงท้ายและปิดตลาดขยับขึ้น 0.4%
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 3.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกที่ระดับ 2.94 ดอลลาร์/หุ้น มากกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2.85 ดอลลาร์/หุ้น แต่ยอดขายในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคร่วงลง โดยผลประกอบการของแคทเธอร์พิลลาร์ถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากบริษัทมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ
หุ้นเอทีแอนด์ที ซึ่งเป็นผู้ให้บริการไร้สายรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 4.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 17.8% แตะที่ระดับ 4.48 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 4.51 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นนอร์ทธอร์ป กรัมแมน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอาวุธรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายในไตรมาสแรกเพิ่มขึ้น 22% สู่ระดับ 8.19 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 8.33 พันล้านดอลลาร์
หุ้นโดมิโนส์ พิซซา อิงค์ พุ่งขึ้น 4.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกที่ระดับ 2.20 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.09 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นออคซิเดนทัล ปิโตรเลียม ปรับตัวลง 0.6% หลังจากยื่นข้อเสนอเทคโอเวอร์บริษัทอนาดาร์โค ปิโตรเลียม ในวงเงินที่สูงกว่าข้อเสนอของเชฟรอน ขณะที่ข่าวดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นอนาดาร์โค ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 11.6%
ทั้งนี้ ออคซิเดนทัลเสนอซื้อหุ้นอนาดาร์โคที่ระดับ 76 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าระดับ 65 ดอลลาร์ของเชฟรอน โดยผู้ถือหุ้นอนาดาร์โค จะได้รับหุ้นออคซิเดนทัลจำนวน 0.6094 หุ้น และเงินสด 38 ดอลลาร์สำหรับทุกๆ 1 หุ้นของอนาดาร์โค
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามทิศทางราคาน้ำมันดิบ WTI เมื่อคืนนี้ หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาดการณ์ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 3% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ลดลง 0.3% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.1% และหุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 3.3%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงก่อนที่เฟซบุ๊กและไมโครซอฟท์จะเปิดเผยผลประกอบการ โดยหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 2% หุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 1.1% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 0.6% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 0.3% หุ้นอัลฟาเบทซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ปรับตัวลง 0.8% และหุ้นอินเทล ขยับลง 0.1%
นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาสแรกของสหรัฐในวันพรุ่งนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า GDP สหรัฐจะขยายตัว 2.1% อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยว่า แบบจำลองการคาดการณ์ GDPNow แสดงให้เห็นว่า GDP สหรัฐมีแนวโน้มขยายตัว 2.2-3.4% ในไตรมาสแรก
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค., ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน