ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ซึ่งรวมถึงบริษัทเมิร์ค แอนด์ โค และเจเนอรัล อิเลคทริค อย่างไรก็ตาม ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยเฟดจะแถลงผลการประชุมในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่วันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,592.91 จุด เพิ่มขึ้น 38.52 จุด หรือ +0.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,945.83 จุด เพิ่มขึ้น 2.80 จุด หรือ +0.10% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,095.39 จุด ลดลง 66.47 จุด หรือ -0.81%
สำหรับสถิติตลอดเดือนเม.ย.นั้น ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นทั้งสิ้น 2.6% ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 3.9% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้น 4.9%
ข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ โดยสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 3.8% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ โดยได้แรงหนุนจากการปรับตัวลงของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพื่อการจำนอง
ทางด้านผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 129.2 ในเดือนเม.ย. จากระดับ 124.2 ในเดือนมี.ค. โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจจะปรับตัวแข็งแกร่งในช่วงฤดูร้อน และจากการที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในตลาดแรงงาน
หุ้นเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) พุ่งขึ้น 4.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกอยู่ที่ระดับ 14 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 9 เซนต์/หุ้น
หุ้นไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกที่ระดับ 85 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 75 เซนต์/หุ้น
หุ้นเมิร์ค แอนด์ โค อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 2.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกที่ระดับ 1.22 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.06 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นแมคโดนัลด์ คอร์ป บวก 0.25% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรไตรมาสแรกอยู่ที่ระดับ 1.78 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.75 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นมาสเตอร์การ์ด อิงค์ พุ่งขึ้น 2.4% ขณะที่หุ้นโคโนโคฟิลิปส์ ดีดตัวขึ้น 1.4% หลังจากทั้งสองบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาสแรกปีนี้
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 2.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาสแรกที่ระดับ 3.490 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.528 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 7.7% ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นหลายตัวในกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลง และได้ฉุดดัชนี Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ 3.634 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรก ซึ่งต่ำกว่าระดับ 3.733 หมื่นล้านดอลลาร์ที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 2.25-2.50% ในการประชุมครั้งนี้ รวมทั้งจับตาการส่งสัญญาณทิศทางอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์ รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนเม.ย.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนเม.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนเม.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนเม.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนเม.ย.จากมาร์กิต และดัชนีบริการเดือนเม.ย. จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)