ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (7 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีสินค้าจีน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,260.47 จุด ร่วงลง 120.17 จุด หรือ -1.63%
ตลาดปรับตัวลงท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสงครามการค้าสหรัฐ-จีน หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% ในวันศุกร์นี้ จากเดิมที่ระดับ 10% รวมทั้งจะมีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% ในไม่ช้า
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่สหรัฐและจีนมีกำหนดกลับมาเจรจาการค้าอีกครั้งในวันที่ 9-10 พ.ค.ที่กรุงวอชิงตัน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำการเจรจาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กรุงปักกิ่งของจีน
นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นแกนนำคนสำคัญในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ จะเข้าร่วมการเจรจาการค้าในครั้งนี้ ซึ่งทำให้มีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายอาจบรรลุข้อตกลงทางการค้าในสัปดาห์นี้
นักลงทุนในตลาดยังคงจับตาสถานการณ์เกี่ยวกับการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ เตรียมพบกับนายเกรแฮม เบรดี ซึ่งเป็นสมาชิกอาวุโสของพรรคอนุรักษ์นิยม ในวันนี้ ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากภายในพรรคที่ต้องการให้นางเมย์ลาออกจากตำแหน่ง โดยคาดว่าเซอร์เบรดี ซึ่งเป็นประธานคณะกรรมการ Tory 1922 จะกดดันให้นางเมย์ระบุวันที่นางเมย์จะลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยม ซึ่งจะเป็นการสิ้นสุดสถานภาพการเป็นนายกรัฐมนตรีของนางเมย์
ขณะเดียวกัน หน่วยงานซึ่งเป็นตัวแทนสาขาของพรรคอนุรักษ์นิยมทั่วอังกฤษได้เรียกร้องให้ทางพรรคจัดการประชุมฉุกเฉินในช่วงกลางเดือนหน้าเพื่อให้มีการลงคะแนนเสียงไม่ไว้วางใจนางเมย์
หุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษร่วงลงตามกัน โดยหุ้นบาร์เคลย์ส ร่วง 2.47% เอชเอสบีซี ลดลง 1.46% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ลบ 1.74% หุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 1.32% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ปรับตัวลง 1.11% และหุ้นพรูเดนเชียล ลบ 1.14%