ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับข่าวที่ว่า เจ้าหน้าที่จีนมีความต้องการทำข้อตกลงทางการค้ากับสหรัฐ และตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่เยอรมนีเปิดเผยข้อมูลการผลิตภาคอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้น รวมถึงการที่บริษัทจดทะเบียนของเยอรมนีเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่ง
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.15% ปิดที่ 382.23 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,417.59 จุด เพิ่มขึ้น 21.85 จุด หรือ +0.40% และ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,179.93 จุด เพิ่มขึ้น 87.19 จุด หรือ +0.72% ส่วนดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,271.00 จุด เพิ่มขึ้น 10.53 จุด หรือ +0.15%
ตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากการที่นางซาราห์ ฮัคคาบี แซนเดอร์ส โฆษกทำเนียบขาว เปิดเผยว่า ทางทำเนียบขาวได้รับสัญญาณบ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่จีนที่กำลังเดินทางมายังสหรัฐมีความต้องการที่จะทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐ
คำกล่าวของนางแซนเดอร์สสอดคล้องกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งระบุก่อนหน้านี้ว่า เจ้าหน้าที่จีนได้แจ้งต่อทำเนียบขาวว่า พวกเขาจะเดินทางมายังสหรัฐเพื่อทำข้อตกลงทางการค้า
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ขู่ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% ในวันศุกร์นี้ จากเดิมที่ระดับ 10% รวมทั้งจะมีการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์ในอัตรา 25% ในไม่ช้า
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น ขณะที่สหรัฐและจีนมีกำหนดกลับมาเจรจาการค้าอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ และวันศุกร์ที่กรุงวอชิงตัน หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้ทำการเจรจาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาที่กรุงปักกิ่งของจีน
นายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งเป็นแกนนำคนสำคัญในการเจรจาการค้ากับสหรัฐ จะเข้าร่วมการเจรจาการค้าในครั้งนี้ ซึ่งทำให้มีความหวังว่าทั้งสองฝ่ายอาจบรรลุข้อตกลงทางการค้าในสัปดาห์นี้
ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของเยอรมนีด้วย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีดีดตัวขึ้น 0.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.5% ซึ่งช่วยให้ตลาดคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป และเมื่อเทียบเป็นรายปี การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค.ของเยอรมนี ลดลง 0.9% ซึ่งน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะร่วงลง 2.8%
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกที่แข็งแกร่งจากบริษัทซีเมนส์ เอจี และบริษัทไวร์การ์ด
หุ้นซีเมนส์ ทะยานขึ้น 5.26% และ หุ้นไวร์การ์ด พุ่ง 4.87%