ดัชนีดาวโจนส์พลิกดีดตัวสู่แดนบวก หลังจากที่นายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนได้สิ้นสุดลงแล้ว โดยการหารือเป็นไปอย่างสร้างสรรค์
ณ เวลา 00.53 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,836.98 จุด บวก 8.62 จุด หรือ 0.03%
ดัชนีดาวโจนส์สามารถฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ได้ดิ่งลงกว่า 300 จุดในช่วงแรก
นักลงทุนยังคงมีความหวังว่าสหรัฐและจีนจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ในที่สุด และสงครามภาษีระหว่างสหรัฐและจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจน้อยกว่าที่คาดไว้
ทั้งนี้ นายมนูชิน และนายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ต่างก็ได้จับมือกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน และหัวหน้าคณะเจรจาการค้าของจีน ขณะที่เดินทางออกจากสำนักงาน USTR ซึ่งเป็นสถานที่จัดการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ในช่วงแรก ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงถึง 358 จุด หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า ไม่มีความจำเป็นที่สหรัฐจะต้องเร่งบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน เนื่องจากขณะนี้สหรัฐกำลังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน และรายได้ดังกล่าวจะทำให้สหรัฐแข็งแกร่งขึ้น
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า ไม่มีความจำเป็นที่สหรัฐจะต้องเร่งบรรลุข้อตกลงการค้ากับจีน เนื่องจากขณะนี้สหรัฐกำลังมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีน
"การเจรจากับจีนยังคงดำเนินไปด้วยความน่าพึงพอใจ โดยไม่มีความจำเป็นที่สหรัฐจะต้องเร่งการเจรจา เนื่องจากขณะนี้จีนกำลังจ่ายภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 25% ต่อสินค้าวงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ที่นำเข้าสู่สหรัฐ เงินจำนวนมหาศาลเหล่านี้จะเข้าสู่กระทรวงการคลังสหรัฐ และเรากำลังเริ่มกระบวนการในการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีสู่ 25% สำหรับสินค้าจีนที่เหลือวงเงิน 3.25 แสนล้านดอลลาร์" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังระบุอีกว่า "ด้วยเงินภาษีกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ที่เราได้รับจากจีน เราจะนำเงินส่วนหนึ่งไปซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกร และเราจะส่งสินค้าเกษตรเหล่านี้ไปยังประเทศยากจนในรูปแบบของการให้ความช่วยเหลือด้านสิทธิมนุษยชน โดยเงินภาษีเหล่านี้จะทำให้เรามีความมั่งคั่งมากกว่าการทำข้อตกลงแบบดั้งเดิม ขณะที่เกษตรกรของเราจะมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และประเทศยากจนก็ได้รับความช่วยเหลือ"
"ถ้าเราซื้อสินค้าเกษตรจากเกษตรกรของเราคิดเป็นเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นวงเงินสูงกว่าที่จีนซื้อจากเราในขณะนี้ เราก็จะมีเงินมากกว่า 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับการก่อสร้างโครงการสาธารณูปโภคใหม่ๆ หรือด้านสาธารณสุข โดยเศรษฐกิจจีนจะชะลอตัวลง ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐพุ่งขึ้น" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ทั้งนี้ คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตัดสินใจปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากระดับ 10% หลังจากที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐและจีนได้เสร็จสิ้นการเจรจาการค้าเมื่อวานนี้
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนมี.ค.
ดัชนี CPI ได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน, ค่าเช่า และค่าใช้จ่ายด้านการรักษาสุขภาพ
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI เพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนเม.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 2.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนมี.ค.
หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานขยับขึ้น 0.1% เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับเดือนก.พ.และมี.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 2.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนมี.ค.