ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ทรุดตัวกว่า 500 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดิ่งลงอย่างหนักในคืนนี้ หลังจากที่จีนประกาศตอบโต้สหรัฐ ด้วยการเพิ่มภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.
ณ เวลา 19.52 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 503 จุด หรือ 1.94% สู่ระดับ 25,461 จุด
หุ้นโบอิ้งและแคทเธอร์ พิลลาร์ดิ่งลงกว่า 3% และ 4% ตามลำดับ ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีท โดยหุ้นของบริษัททั้งสองถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ ขณะที่ราคาหุ้นแอปเปิลร่วงลงเกือบ 4%
กระทรวงการคลังของจีนแถลงในวันนี้ว่า จีนจะเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.
ทั้งนี้ สินค้าในภาคเกษตรของสหรัฐจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากการขึ้นภาษีในครั้งนี้ หลังจากที่ถูกกระทบก่อนหน้านี้จากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยรายการสินค้าที่จะถูกเรียกเก็บภาษีเพิ่มขึ้น รวมถึง ถั่ว น้ำตาล ข้าวสาลี ไก่ และไก่งวง
การที่จีนประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐในวันนี้ ถือเป็นการตอบโต้สหรัฐ ซึ่งได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
หนังสือพิมพ์พีเพิลส์ เดลี่ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุในบทบรรณาธิการในวันนี้ว่า "จีนจะไม่มีวันยอมสูญเสียการที่ประเทศได้รับความเคารพ และไม่ควรมีผู้ใดคาดหวังว่าจีนจะยอมกินผลไม้พิษที่จะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของประเทศ"
นอกจากนี้ พีเพิลส์ เดลี่ยังระบุว่า "จีนเปิดกว้างสำหรับการเจรจา แต่จะไม่ยอมอ่อนข้อในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหลักการที่สำคัญ"
ทางด้านหนังสือพิมพ์โกลบอล ไทมส์ระบุว่า จีนไม่มีเหตุผลที่จะต้องหวาดกลัวในเรื่องสงครามการค้า
"ความคิดที่ว่า จีนจะไม่สามารถรับผลกระทบจากการทำสงครามการค้า เป็นแนวคิดเพ้อฝัน และเป็นการตัดสินที่ผิดพลาด" โกลบอล ไทมส์ระบุในบทบรรณาธิการ
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงควรถูกตำหนิ กรณีการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในสัปดาห์ที่แล้ว และการที่สหรัฐเพิ่มการจัดเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนจะทำให้บริษัทต่างๆถอนตัวออกจากจีนไปยังเวียดนามและประเทศต่างๆในเอเชีย
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังเตือนจีนมิให้ทำการตอบโต้สหรัฐ เพราะจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง
"ผมได้พูดอย่างเปิดเผยต่อท่านประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และเพื่อนของผมในจีนว่า จีนจะได้รับผลกระทบอย่างมาก หากไม่มีการบรรลุข้อตกลง เพราะบริษัทต่างๆจะถอนตัวออกจากจีนไปยังเวียดนาม และประเทศอื่นๆในเอเชีย เนื่องจากจะแพงเกินไปหากซื้อสินค้าที่ทำในจีน คุณเกือบจะได้ข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมแล้ว แต่คุณก็ได้ถอนตัวออกไป"
"จะไม่เหลือใครที่ทำธุรกิจในจีน ซึ่งจะเป็นเรื่องแย่มากสำหรับจีน แต่จะดีมากสำหรับสหรัฐ หลังจากที่จีนได้เอาเปรียบสหรัฐมานานหลายปี และจีนไม่ควรตอบโต้สหรัฐ เพราะจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ปธน.ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ หลังจากที่การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจบลงด้วยความล้มเหลวในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10%
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ก็ไม่มีการเปิดเผยกำหนดการประชุมอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด