ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) ขานรับรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนที่จะชะลอการเรียกเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากยุโรปออกไปอีก 6 เดือน ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้า และยังช่วยสกัดปัจจัยลบจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของจีนและสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,648.02 จุด เพิ่มขึ้น 115.97 จุด หรือ +0.45% ขณะที่ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 2,850.96 จุด เพิ่มขึ้น 16.55 จุด หรือ +0.58% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,822.15 จุด เพิ่มขึ้น 87.65 จุด หรือ +1.13%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มีแผนที่จะชะลอการเรียกเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากยุโรปออกไปอีก 6 เดือน เนื่องจากไม่ต้องการเปิดสงครามการค้ากับยุโรปในช่วงเวลาสหรัฐยังคงมีความขัดแย้งทางการค้ากับจีน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์มีเวลาจนถึงเที่ยงคืนวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 11.00 น.ในวันเสาร์ตามเวลาไทย ในการประกาศขึ้นภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรป หลังจากที่เขาเคยขู่เมื่อปีที่แล้วว่าจะขึ้นภาษีดังกล่าว สู่ระดับ 20% ซึ่งตามกฎหมายของสหรัฐนั้น รัฐบาลสหรัฐยังคงมีเวลาอีก 180 วันในการทำการตัดสินใจในเรื่องการจัดเก็บภาษีดังกล่าว ตราบใดที่สหรัฐกำลังเจรจากับทางยุโรป
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์สเตทสโตน เวลธ์ ในรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า นอกเหนือจากข่าวสหรัฐวางแผนชะลอการเรียกเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากยุโรปแล้ว นักลงทุนยังขานรับรายงานที่ว่า นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ อาจเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งในไม่ช้าเพื่อสานต่อการเจรจาการค้ากับจีน
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทผลิตชิพปรับตัวขึ้นหลังจากตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้า โดยหุ้นแอปเปิล ดีดตัวขึ้น 1.2% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 3.1% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 4.1% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 2.7% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.4% หุ้นอินเทล เพิ่มขึ้น 1% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ เพิ่มขึ้น 0.8%
หุ้นกลุ่มรถยนต์ดีดตัวขึ้นขานรับข่าวสหรัฐวางแผนชะลอการเรียกเก็บภาษีรถยนต์นำเข้าจากยุโรป โดยหุ้นฟอร์ด มอเตอร์ พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ ปรับตัวขึ้น 0.9% หุ้นเฟียต ไครสเลอร์ พุ่งขึ้น 1.5%
หุ้นอาลีบาบา ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของจีน พุ่งขึ้น 1.6% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลกำไรและรายได้ที่สูงเกินคาด
หุ้นเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ปิดตลาดขยับลง 0.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรกำไรในไตรมาส 1 ที่ระดับ 44 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 33 เซนต์/หุ้น แต่รายได้อยู่ที่ระดับ 5.504 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.505 พันล้านดอลลาร์
ทางการจีนและสหรัฐได้เปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจหลายรายการเมื่อวานนี้ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมขยายตัว 5.4% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2546 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.5%
นอกจากนี้ NBS รายงานว่า ยอดค้าปลีกของจีนเพิ่มขึ้น 7.2% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2546 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.6% จากระดับ 8.7% ในเดือนมี.ค.
ทางด้านกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.2% ในเดือนเม.ย. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกจะเพิ่มขึ้น 0.2% โดยการปรับตัวลงของยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย.ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของยอดขายรถยนต์
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนเม.ย., ดัชนีการผลิตเดือนพ.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน