ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (15 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า ความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนและยุโรป จะคลี่คลายลง และการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลง ได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,296.95 จุด เพิ่มขึ้น 55.35 จุด หรือ +0.76%
ตลาดดีดตัวขึ้นต่อ เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังเกี่ยวกับการแก้ไขความขัดแย้งด้านการค้าของสหรัฐกับจีนและยุโรป หลังจากนายสตีเวน มนูชิน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า เขาอาจเดินทางไปยังกรุงปักกิ่งในไม่ช้านี้เพื่อสานต่อการเจรจาการค้ากับจีน และตลาดยังขานรับข่าวที่ว่า รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนที่จะชะลอการเรียกเก็บภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรปออกไปอีก 6 เดือน
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์มีเวลาจนถึงเที่ยงคืนวันศุกร์นี้ตามเวลาสหรัฐ หรือเวลา 11.00 น.ในวันเสาร์ตามเวลาไทย ในการประกาศขึ้นภาษีต่อรถยนต์นำเข้าจากยุโรป หลังจากที่เขาเคยขู่เมื่อปีที่แล้วว่าจะขึ้นภาษีดังกล่าว สู่ระดับ 20% โดยอ้างว่าตัวเลขขาดดุลการค้าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ
นอกจากนี้ เงินปอนด์ที่อ่อนค่าลงได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกด้วย โดยปอนด์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากความกังวลเกี่ยวกับกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยล่าสุดรัฐบาลอังกฤษประกาศว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษจะจัดการลงมติข้อตกลง Brexit ในรัฐสภาภายในสัปดาห์ที่ 3 มิ.ย. ขณะที่การเจรจากับพรรคแรงงานยังคงดำเนินต่อไป แม้ไม่มีความคืบหน้าที่ชัดเจนก็ตาม
หุ้นเอชเอสบีซี บวก 0.97% หุ้นบริติช อเมริกัน โทแบคโค เพิ่มขึ้น 1.08% หุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ ปรับตัวขึ้น 1.15% และหุ้นเอสทราเซเนกา บวก 0.31%