ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 214.66 จุด ขานรับผลประกอบการ,ข้อมูลศก.สหรัฐสดใส

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 17, 2019 06:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของสหรัฐ และผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งรวมถึง บริษัทซิสโก้ ซิสเต็มส์ และวอลมาร์ท อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพร่วงลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ของหัวเว่ย เทคโนโลยี่ หลังจากรัฐบาลสหรัฐออกมาตรการแบนสินค้าของบริษัทหัวเว่ย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,862.68 จุด พุ่งขึ้น 214.66 จุด หรือ +0.84% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,876.32 จุด เพิ่มขึ้น 25.36 จุด หรือ +0.89% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,898.05 จุด เพิ่มขึ้น 75.90 จุด หรือ +0.97%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน โดยบริษัทซิสโก้ ซิสเต็มส์ เปิดเผยกำไรในไตรมาส 3 ตามปีงบการเงินบริษัทซึ่งสิ้นสุดวันที่ 27 เม.ย. ที่ระดับ 78 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 77 เซนต์/หุ้น โดยข้อมูลดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นซิสโก้ ซิสเต็มส์ ปิดตลาดพุ่งขึ้น 6.7%

หุ้นวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปรับตัวขึ้น 1.4% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกที่ระดับ 1.13 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.02 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดีดตัวขึ้น โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นอเมซอนดอทคอม เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 1.2% หุ้นเฟซบุ๊ก เพิ่มขึ้น 0.4%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 1.4% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 1.06% หุ้นซิตี้กรุ๊ป เพิ่มขึ้น 1.7% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ เพิ่มขึ้น 0.9% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก เพิ่มขึ้น 0.1% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 1.3%

หุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคดีดตัวขึ้น โดยหุ้นไทสัน ฟู้ดส์ เพิ่มขึ้น 0.4% หุ้นพร็อคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) พุ่งขึ้น 1.3% หุ้นเป๊ปซี่โค ดีดตัวขึ้น 0.7% หุ้นโคคา-โคลา เพิ่มขึ้น 0.8% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล เพิ่มขึ้น 0.2%

หุ้นอูเบอร์ ผู้ให้บริการรถโดยสารผ่านแอปพลิเคชัน พุ่งขึ้น 4.1% ขณะที่หุ้น Lyft ซึ่งเป็นคู่แข่งของอูเบอร์ ดีดตัวขึ้น 2.9% โดยราคาหุ้นทั้งสองบริษัทปิดในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ หลังจากบริษัทได้นำหุ้น IPO เสนอขายตลาดหุ้นนิวยอร์กได้ไม่นาน

อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพร่วงลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ของหัวเว่ย เทคโนโลยี่ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติเพื่อห้ามบริษัทของสหรัฐจากการใช้เทคโนโลยีและบริการด้านการสื่อสารโทรคมนาคมของบริษัทที่สหรัฐเชื่อว่าเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวพุ่งเป้าอย่างชัดเจนไปที่บริษัทหัวเว่ยของจีน

ทั้งนี้ ดัชนีหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพร่วงลง 1.7% โดยหุ้น Qorvo Inc ร่วงลง 7.1% หุ้นสกายเวิร์คส์ โซลูชั่น ดิ่งลง 6% หุ้นควอลคอม ร่วงลง 4% หุ้น Xilinx Inc ดิ่งลง 7.3% และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 2.8% โดยบริษัทเหล่านี้เป็นซัพพลายเออร์รายใหญ่ของหัวเว่ย เทคโนโลยี่

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่เป็นปัจจัยหนุนตลาดเมื่อคืนนี้ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านเพิ่มขึ้น 5.7% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.235 ล้านยูนิต จากระดับ 1.168 ล้านยูนิตในเดือนมี.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านจะอยู่ที่ระดับ 1.205 ล้านยูนิตในเดือนเม.ย.

ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 16,000 ราย สู่ระดับ 212,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจะลดลงสู่ระดับ 220,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว

นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 16.6 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 10.1 จากระดับ 8.5 ในเดือนเม.ย.

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนเม.ย.จาก Conference Board และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ