ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (16 พ.ค.) โดยบวกขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันตามทิศทางของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่หุ้นกลุ่มธนาคารและหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นนำตลาด และการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มส่งออกด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,353.51 จุด เพิ่มขึ้น 56.56 จุด หรือ +0.78%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นนิวยอร์กซึ่งทะยานขึ้นขานรับผลประกอบการของบริษัทซิสโก้ ซิสเต็มส์ อิงค์ และบริษัทวอลมาร์ท
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ทะยานขึ้น หลังจากราคาสัญญาล่วงหน้าสินแร่เหล็กพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง และราคาอลูมิเนียมปรับตัวขึ้นจากความวิตกด้านอุปทาน หลังจากมีการปิดโรงงานถลุงอะลูมิเนียมรายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของจีน
หุ้นเกล็นคอร์ บวก 0.65% หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 3.03% และหุ้นริโอ ทินโต บวก 1.98%
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเอชเอสบีซี บวก 0.40% หุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ เพิ่มขึ้น 0.74% และ หุ้นบาร์เคลย์ส บวก 0.42%
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มส่งออกปรับตัวขึ้นด้วย หลังเงินปอนด์อ่อนค่าลงจากความวิตกเกี่ยวกับกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) โดยนางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษมีแผนที่จะให้รัฐสภาโหวตข้อตกลง Brexit เป็นครั้งที่ 4 ในต้นเดือนหน้า หลังจากที่ถูกรัฐสภาปฏิเสธติดต่อกัน 3 ครั้ง ขณะที่แถลงการณ์จากแกนนำของพรรคอนุรักษ์นิยมระบุว่า นางเมย์จะประกาศกำหนดเวลาของการลาออกจากตำแหน่งในช่วงต้นเดือนหน้า