ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 84.10 จุด เหตุหุ้นเทคโนฯร่วงหลังสหรัฐแบน "หัวเว่ย"

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 21, 2019 06:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (20 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตชิพ หลังจากรัฐบาลสหรัฐประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ของจีน ขณะที่อัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล ได้ระงับการทำธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดวิตกกังวลว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนอาจทวีความรุนแรงมากขึ้น

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,679.90 จุด ลดลง 84.10 จุด หรือ -0.33% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,840.23 จุด ลดลง 19.30 จุด หรือ -0.67% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,702.38 จุด ลดลง 113.91 จุด หรือ -1.46%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า อัลฟาเบทได้ระงับการทำธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ซึ่งส่งผลให้สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยไม่สามารถอัพเดตระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ (Android) ตลอดจนเข้าถึงแอปพลิเคชันยอดนิยมอย่าง Google Play Store, Gmail และ YouTube ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของกูเกิลได้

ทางด้านบริษัทอินเทล ควอลคอมม์ บรอดคอม และซิลลินซ์ (Xilinx) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของสหรัฐ ได้แจ้งต่อพนักงานในองค์กรว่า ทางบริษัทต้องยุติการดำเนินธุรกิจกับหัวเว่ย จนกว่าจะมีประกาศจากทางรัฐบาลออกมาเพิ่มเติม

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของบรรดาบริษัทเทคโนโลยีเกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลสหรัฐได้นำหัวเว่ยและบริษัทในเครือ เข้ารวมอยู่ใน "Entity List" ซึ่งเป็นบัญชีรายชื่อของบริษัทด้านการสื่อสารโทรคมนาคมที่ถูกสั่งห้ามไม่ให้บริษัทของสหรัฐเข้าซื้ออุปกรณ์ต่างๆ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มผู้ผลิตชิพร่วงลงจากข่าวดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ให้กับหัวเว่ย โดยหุ้น Qorvo Inc ร่วงลง 4.16% หุ้นสกายเวิร์คส์ โซลูชั่น ดิ่งลง 2.9% หุ้นควอลคอมม์ ร่วงลง 5% หุ้น Xilinx Inc ดิ่งลง 3.5% และหุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 4% หุ้นแลม รีเสิร์ช ร่วงลง 5.4% ส่วนหุ้น Nvidia และหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ ต่างก็ร่วงลง 3%

หุ้นบริษัทเทคโนโลยีในกลุ่ม FAANG ร่วงลงถ้วนหน้า โดยหุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.4% หุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 3.1% หุ้นอเมซอนดอทคอม ลดลง 0.5% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ลดลง 1.8% และหุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 2.06%

ส่วนหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ หุ้นสปรินท์ คอร์ป และหุ้นที-โมบาย ยูเอส อิงค์ พุ่งขึ้น 18.8% และ 3.9% ตามลำดับ หลังจากนายอาจิด ไพ ประธานคณะกรรมการกลางกำกับดูแลกิจการสื่อสารของสหรัฐ (FCC) ได้แสดงความคิดเห็นสนับสนุนแผนควบรวมกิจการระหว่างบริษัทที-โมบาย ยูเอส อิงค์ กับสปรินท์ คอร์ป

นักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากที่สหรัฐประกาศแบนบริษัทหัวเว่ย โดยล่าสุดนายจาง หมิง เอกอัคราชทูตจีนประจำสหภาพยุโรป (EU) เตือนว่า รัฐบาลจีนอาจจะดำเนินการตอบโต้สหรัฐ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวของสหรัฐส่งผลให้สิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายและผลประโยชน์ของบริษัทจีนได้รับความเสียหาย ซึ่งรัฐบาลจีนคงจะไม่นิ่งเฉยในเรื่องนี้

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ยอดขายบ้านมือสองเดือนเม.ย., คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (FOMC) เปิดเผยรายงานการประชุมวันที่ 30 เม.ย. -1 พ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเบื้องต้นเดือนพ.ค.จากมาร์กิต, ยอดขายบ้านใหม่เดือนเม.ย. และยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนเม.ย.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ