ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 300 จุดในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐในวันนี้
ณ เวลา 21.32 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,441.35 จุด ลบ 335.26 จุด หรือ 1.30%
นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า การดำเนินการทางด้านการค้าของสหรัฐในระยะนี้กำลังเป็นอุปสรรคขัดขวางการเจรจาการค้ากับจีน ซึ่งถ้าสหรัฐต้องการให้การเจรจาการค้าดำเนินต่อไป สหรัฐจะต้องมีความจริงใจในการแก้ไขการกระทำที่ผิดพลาด หลังจากนั้น การเจรจาจึงจะเกิดขึ้นได้
นายเกาไม่ได้ระบุรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการด้านการค้าดังกล่าวของสหรัฐ อย่างไรก็ดี คำกล่าวของนายเกามีขึ้น หลังจากที่สหรัฐขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ทำให้บริษัทไม่สามารถซื้อสินค้าจากสหรัฐ และสหรัฐยังได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10%
"การมุ่งโจมตีบริษัทจีนไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายต่อความร่วมมือทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ แต่ยังคุกคามต่อความมั่นคงของอุตสาหกรรมระดับโลก และห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งจีนคัดค้านในเรื่องดังกล่าว และเราจะจับตาพัฒนาการ และจะมีการเตรียมการรับมือที่เหมาะสม" เขากล่าว
นอกจากนี้ สหรัฐเตรียมพิจารณาเพิ่มบัญชีรายชื่อบริษัทจีนที่จะถูกขึ้นบัญชีดำ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะขึ้นบัญชีดำบริษัทจำหน่ายกล้องวงจรปิดรายใหญ่ 5 รายของจีน ซึ่งรวมถึงบริษัท Hikvision Digital Technology และ บริษัท Dahua Technology ด้วยข้อหากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน
นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐ ยืนยันว่า บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ได้ทำงานให้รัฐบาลจีน แม้บริษัทได้ปฏิเสธเรื่องดังกล่าวก็ตาม
"การที่บริษัทบอกว่าไม่ได้ทำงานให้รัฐบาลจีน เป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่ถูกต้อง โดยซีอีโอของหัวเว่ยไม่ได้บอกความจริงต่อชาวอเมริกัน" นายปอมเปโอกล่าว
"ถ้าคุณเป็นบริษัทที่ได้รับการบงการจากรัฐบาล และได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐบาลจีน ก็เป็นเรื่องที่ไม่ต้องสงสัยว่าคุณจะต้องทำงานให้รัฐบาลจีน" เขากล่าว
ที่ผ่านมา นายปอมเปโอมักกล่าววิพากษ์วิจารณ์บริษัทหัวเว่ย และได้พบปะกับผู้นำของอังกฤษในเดือนนี้เพื่อขอความร่วมมือในการสกัดกั้นมิให้หัวเว่ยเข้าถึงข้อมูลข่าวกรองของสหรัฐ
นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ย ทำให้บริษัทไม่สามารถซื้อสินค้าจากสหรัฐ
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ร่วงลง 6.9% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 673,000 ยูนิต หลังจากพุ่งแตะระดับ 723,000 ยูนิตในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2550
ยอดขายบ้านลดลงในทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพุ่งขึ้น 11.5%
นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่ายอดขายบ้านใหม่จะลดลง 2.8% สู่ระดับ 675,000 ยูนิตในเดือนเม.ย.
ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิต และภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.9 ในเดือนพ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 36 เดือน หลังจากแตะระดับ 53.0 ในเดือนเม.ย.
การปรับตัวลงของดัชนี PMI ในเดือนพ.ค.ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงาน ขณะที่ความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2555
อย่างไรก็ดี ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐยังคงมีการขยายตัว
ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 50.6 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 116 เดือน จากระดับ 52.6 ในเดือนเม.ย.
สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 50.9 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 39 เดือน จากระดับ 53.0 ในเดือนเม.ย.