ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบเมื่อคืนนี้ (23 พ.ค.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน และผลสำรวจภาวะธุรกิจที่อ่อนแอส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ขณะที่นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเผชิญแรงกดดันให้ลาออกนั้น ได้เพิ่มความไม่แน่นอนเกี่ยวกับกระบวนการถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วง 1.42% ปิดที่ 373.79 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,281.37 จุด ลดลง 97.60 จุด หรือ -1.81% ขณะที่ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,952.41 จุด ลดลง 216.33 จุด หรือ -1.78% และ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,231.04 จุด ลดลง 103.15 จุด หรือ -1.41%
ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยนายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า การดำเนินการทางด้านการค้าของสหรัฐในระยะนี้ กำลังเป็นอุปสรรคขัดขวางการเจรจาการค้ากับจีน ซึ่งถ้าสหรัฐต้องการให้การเจรจาการค้าดำเนินต่อไป สหรัฐจะต้องมีความจริงใจในการแก้ไขการกระทำที่ผิดพลาด หลังจากนั้น การเจรจาจึงจะเกิดขึ้นได้
ตลาดยังถูกกดดัน หลังจากเยอรมนีเปิดเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นทางธุรกิจลดลงเกินคาดในเดือนพ.ค. เนื่องจากความเชื่อมั่นในภาคบริการย่ำแย่ลง ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาวะเศรษฐกิจของเยอรมนีชะลอตัวลง
นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลกับความไม่แน่นอนเรื่อง Brexit หลังจากมีข่าวว่า นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ อาจประกาศลาออกจากตำแหน่งในวันศุกร์นี้ โดยสื่อรายงานว่า นางเมย์อาจประกาศลาออกจากตำแหน่ง หลังจากที่ต้องเผชิญแรงกดดันทั้งจากพรรคฝ่ายค้านและพรรครัฐบาล อันเนื่องมาจากความล้มเหลวในการผลักดันข้อตกลง Brexit ให้ผ่านการอนุมัติของรัฐสภาอังกฤษ
หุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดด้านการค้า ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงตามราคาน้ำมัน
หุ้นเดมเลอร์ เอจี ร่วง 6.89% และ หุ้นคอมเมิร์ซแบงก์ ปรับตัวลง 4.47% หลังขึ้นเครื่องหมาย XD
หุ้นบีพี ลดลง 2.93% และ หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ลบ 2.69%