ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 150 จุดในวันนี้ ขานรับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งกล่าวว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะจบลงอย่างรวดเร็ว
ณ เวลา 20.38 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 25,652.47 จุด บวก 162.00 จุด หรือ 0.64%
หุ้นโบอิ้งและแคทเธอร์ พิลลาร์พุ่งขึ้น 1.9% และ 0.8% ตามลำดับ โดยหุ้นของบริษัททั้งสองถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ
หุ้นอเมซอนดีดตัวขึ้น 1% หลังนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาหุ้นของบริษัทจะแตะระดับ 3,000 ดอลลาร์ภายในเวลา 2 ปี
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์คาดการณ์ว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนจะจบลงอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขาจะพบกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนในการประชุม G20 ที่ญี่ปุ่นในเดือนหน้า
การประชุมสุดยอด G20 จะมีขึ้นที่นครโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ในวันที่ 28-29 มิ.ย.
ปธน.ทรัมป์กล่าวก่อนหน้านี้ว่า การพบปะกับปธน.สี จิ้นผิงจะช่วยผ่อนคลายความขัดแย้งในการเจรจาการค้ากับจีน
ทั้งนี้ การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนประสบความล้มเหลวในเดือนนี้ โดยที่ประชุมไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้า ขณะที่สหรัฐได้เพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% ส่งผลให้จีนทำการตอบโต้ ด้วยการเพิ่มการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐวงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 25% จากเดิมที่ระดับ 10% โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มิ.ย.
นอกจากนี้ สหรัฐได้ขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยี่ ทำให้บริษัทไม่สามารถซื้อสินค้าจากสหรัฐ และสหรัฐยังได้เตรียมพิจารณาเพิ่มบัญชีรายชื่อบริษัทจีนที่จะถูกขึ้นบัญชีดำ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กำลังพิจารณาที่จะขึ้นบัญชีดำบริษัทจำหน่ายกล้องวงจรปิดรายใหญ่ 5 รายของจีน ซึ่งรวมถึงบริษัท Hikvision Digital Technology และ บริษัท Dahua Technology ด้วยข้อหากระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชน
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป ร่วงลง 2.1% ในเดือนเม.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 1.7% ในเดือนมี.ค.
การดิ่งลงของยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือนเม.ย. ได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อเครื่องบิน และรถยนต์
ส่วนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐาน ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อสินค้าทุนที่ไม่รวมเครื่องบิน และสินค้าด้านอาวุธ โดยเป็นสิ่งบ่งชี้แผนการใช้จ่ายของภาคธุรกิจ ลดลง 0.9% ในเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.3% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมี.ค.
เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพื้นฐานดีดตัวขึ้น 2.6% ในเดือนเม.ย.