ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับข่าวที่ว่า สภาคองเกรสเตรียมลงมติคัดค้านแผนการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการปรับขึ้นอัตราภาษีต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก
ณ เวลา 18.21 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 113 จุด หรือ 0.45% สู่ระดับ 24,982 จุด
ราคาหุ้นของบริษัทเจเนรัล มอเตอร์ (GM) และฟอร์ด ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากการเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าเม็กซิโก ต่างก็ปรับตัวขึ้นรับข่าวดังกล่าว
หนังสือพิมพ์เดอะ วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า สมาชิกสภาคองเกรสสังกัดพรรครีพับลิกันกำลังหารือกันเกี่ยวกับการลงมติคัดค้านแผนการของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ในการปรับขึ้นอัตราภาษีต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าทั้งหมดจากเม็กซิโก ในอัตรา 5% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. และจะเพิ่มขึ้นทุกเดือนจนแตะระดับ 25% ในวันที่ 1 ต.ค. ถ้าเม็กซิโกไม่สามารถสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐ
แหล่งข่าวยังเปิดเผยว่า การลงมติของสภาคองเกรสยังอาจสกัดแผนการจัดสรรงบประมาณจำนวนหลายพันล้านดอลลาร์สำหรับการสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโกของปธน.ทรัมป์ หลังจากที่เขาประกาศภาวะฉุกเฉินแห่งชาติทางชายแดนตอนใต้ในเดือนก.พ.
ทั้งนี้ กฎหมายสหรัฐให้สภาคองเกรสมีอำนาจในการยกเลิกคำสั่งประกาศภาวะฉุกเฉินด้วยการออกมติคัดค้านคำสั่งดังกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ซบเซา
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อ และเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะขาลง อันเนื่องมาจากสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
นายบูลลาร์ดกล่าวว่า การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจจะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เพื่อช่วยหนุนอัตราเงินเฟ้อและการคาดการณ์เงินเฟ้อ นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังอาจช่วยพยุงเศรษฐกิจ ในกรณีที่เศรษฐกิจชะลอตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ นายบูลลาร์ดถือเป็นกรรมการเฟดคนแรกที่ออกมาแสดงความเห็นต่อสาธารณะว่าเฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ย นับตั้งแต่เฟดได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 2.25-2.50% ในการประชุมเดือนม.ค.ปีนี้ โดยแถลงการณ์ของเฟดระบุว่า เฟดจะใช้ "ความอดทน" ในการดำเนินนโยบายการเงิน พร้อมกับพิจารณาถึงอุปสรรคต่างๆที่เกิดขึ้นจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้า
การประชุมเฟดครั้งต่อไปจะมีขึ้นในวันที่ 18-19 มิ.ย.