ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นแรงหนุนตลาดหุ้นทั่วโลก ขณะที่นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,214.29 จุด เพิ่มขึ้น 29.49 จุด หรือ +0.41%
ตลาดปรับตัวขึ้นขานรับความเป็นไปได้ที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลง และนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดกำลังจับตามองพัฒนาการทางเศรษฐกิจในขณะนี้ และจะดำเนินการในสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจดำเนินต่อไป
นายพาวเวลยังเปิดเผยว่า เครื่องมือที่เฟดเคยใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ ซึ่งได้แก่ การกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ใกล้ 0% และการเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) นั้น มีแนวโน้มที่จะถูกนำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง
นอกจากนี้ ตลาดยังคลายความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าจีน-สหรัฐ หลังกระทรวงพาณิชย์จีนออกแถลงการณ์ ระบุว่า ความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขผ่านทางการเจรจาต่อไป
หุ้นกลุ่มธนาคารที่เน้นลงทุนในเอเชียปรับตัวขึ้นขานรับแถลงการณ์ดังกล่าว โดยหุ้นพรูเดนเชียล พุ่งขึ้น 3.82% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เพิ่มขึ้น 1.22% และหุ้นเอชเอสบีซี โฮลดิงส์ บวก 0.86%
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นแองโกล อเมริกัน บวก 0.82% หุ้นเกล็นคอร์ เพิ่มขึ้น 1.97% และหุ้นริโอ ทินโต ปรับตัวขึ้น 0.24%