ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวกเล็กน้อยในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะปรับตัวแคบในคืนนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐ และประเทศคู่ค้า รวมถึงจีนและเม็กซิโก
อย่างไรก็ดี ตลาดยังได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้
ณ เวลา 20.20 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 18 จุด หรือ 0.07% สู่ระดับ 25,576 จุด
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ระบุว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐและเม็กซิโกมีความคืบหน้าไม่มากพอ ในประเด็นการลดจำนวนการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมาย และการลักลอบนำเข้ายาเสพติดจากเม็กซิโก ซึ่งทำให้สหรัฐจะดำเนินการปรับขึ้นภาษีต่อสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐและเม็กซิโกได้เสร็จสิ้นการหารือกันที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้ โดยทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นการค้า และประเด็นผู้อพยพ ขณะที่การเจรจาจะเริ่มขึ้นอีกครั้งในวันนี้
เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ได้ประกาศเรียกเก็บภาษีต่อสินค้าทั้งหมดที่นำเข้าจากเม็กซิโกในอัตรา 5% โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 มิ.ย. และจะเพิ่มขึ้นทุกเดือนจนแตะระดับ 25% ในวันที่ 1 ต.ค. ถ้าเม็กซิโกไม่สามารถสกัดการหลั่งไหลของผู้อพยพผิดกฎหมายที่ข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐ
ทางด้านนายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน กล่าวว่า จีนจะต่อสู้จนถึงที่สุด หากสหรัฐตัดสินใจที่จะเพิ่มความตึงเครียดทางการค้า
นายเกากล่าว หลังมีข่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ขู่ที่จะเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นอีกในวงเงิน 3 แสนล้านดอลลาร์
"การที่สหรัฐใช้แรงกดดันต่อจีนได้ส่งผลกระทบต่อการเจรจาการค้า ขณะที่ทิศทางการเจรจาในอนาคตจะขึ้นอยู่กับสหรัฐ" นายเกากล่าว
นายเจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟด สาขาเซนต์หลุยส์ กล่าวว่า เฟดจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆนี้ เพื่อกระตุ้นเงินเฟ้อ และรับมือกับความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเผชิญภาวะขาลง อันเนื่องมาจากการทำสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
ส่วนนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดกำลังจับตามองพัฒนาการทางเศรษฐกิจในขณะนี้ และจะดำเนินการในสิ่งที่ต้องทำเพื่อให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ นายพาวเวลยังเปิดเผยว่า เครื่องมือที่เฟดเคยใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์ ซึ่งได้แก่ การกำหนดให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ใกล้ 0% และการเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มีแนวโน้มที่จะนำมาใช้อีกครั้งหนึ่ง
FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และมีโอกาสมากกว่า 80% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.