ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 มิ.ย.) เนื่องจากหุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่อ่อนแอ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงอย่างหนัก นอกจากนี้ นักลงทุนยังระมัดระวังการซื้อขายในขณะที่ข้อพิพาทการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังไม่มีแนวโน้มคลี่คลาย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,004.83 จุด ลดลง 43.68 จุด หรือ -0.17% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,792.72 จุด ลดลง 29.85 จุด หรือ -0.38% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,879.84 จุด ลดลง 5.88 จุด หรือ -0.20%
ดัชนีดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งต้องพึ่งพารายได้จากอัตราดอกเบี้ยนั้น ปรับตัวลง ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ขยับขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้ หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 2.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 2.4% หุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 3% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง ลดลง 1.3% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ร่วงลง 1.6% และหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวลง 1.03%
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ดิ่งลงรุนแรงถึง 4% เนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้นสวนทางการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 1.1% หุ้นเชฟรอน ลดลง 0.8% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ดิ่งลง 7.6% หุ้นเดวอน เอนเนอร์จี ร่วงลง 2.4% หุ้นมาราธอน ปิโตรเลียม ลดลง 1.7% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 0.5% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ร่วงลง 4.5%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิพร่วงลงเช่นกัน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยหุ้นไมครอน เทคโนโลยี หุ้นแอพพลายด์ มาเทเรียลส์ และหุ้นแลม รีเสิร์ช ต่างก็ร่วงลงกว่า 5% ขณะที่หุ้นอินเทล ปรับตัวลง 1.13% หุ้นบรอดคอม ร่วงลง 1.3% หุ้นควอลคอมม์ ร่วงลง 2.3% หุ้น Nvidia ดิ่งลง 3% หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 1.3% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ดิ่งลง 2.2%
นักลงทุนยังคงจับตาสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐและจีนอย่างใกล้ชิด หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าหากปธน.สี จิ้นผิง ไม่เข้าร่วมการประชุมสุดยอด G20 ในเดือนนี้ สหรัฐก็จะเรียกเก็บภาษีเพิ่มเติมต่อสินค้านำเข้าจากจีน พร้อมกับเตือนว่า สหรัฐจะเก็บภาษีต่อสินค้านำเข้าจากจีนอีก 3 แสนล้านดอลลาร์ หากสหรัฐไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับจีนในไม่ช้า
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมเฟดในวันที่ 18-19 มิ.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ อย่างไรก็ดี FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. และมีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ราคานำเข้าและราคาส่งออกเดือนพ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนพ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนเม.ย. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนมิ.ย.