ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ปรับตัวลงในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะถูกกดดันในคืนนี้ จากการเปิดเผยยอดค้าปลีกของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาด, ตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ซบเซา และการร่วงลงของหุ้นกลุ่มชิพ
ณ เวลา 19.54 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 32 จุด หรือ 0.12% สู่ระดับ 26,089 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6%
อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ได้ปรับเพิ่มตัวเลขยอดค้าปลีกในเดือนเม.ย.เป็นเพิ่มขึ้น 0.3% จากเดิมที่ระดับ 0.2%
การดีดตัวขึ้นของยอดค้าปลีกในเดือนพ.ค.ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายรถยนต์
เมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือนพ.ค.
ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนพ.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.4% ในเดือนเม.ย.
ราคาหุ้นของกลุ่มบริษัทผู้ผลิตชิพร่วงลงในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวันนี้ หลังจากที่ราคาหุ้นของบริษัทบรอดคอม ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพในธุรกิจสื่อสาร ดิ่งลงกว่า 9% ขณะที่เปิดเผยรายได้ต่ำกว่าคาดสำหรับไตรมาส 2 ของปีงบการเงินบริษัท ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 5 พ.ค.
ทั้งนี้ บรอดคอมระบุว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 5.21 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.16 ดอลลาร์/หุ้น
อย่างไรก็ดี บริษัทมีรายได้ที่ระดับ 5.52 พันล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.68 พันล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ บริษัทยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์รายได้สำหรับปีงบการเงินปัจจุบัน สู่ระดับ 2.250 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 2.450 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.431 หมื่นล้านดอลลาร์
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมปรับตัวขึ้น 5% ในเดือนพ.ค.เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 17 ปี และชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย.ที่มีการขยายตัว 5.4% และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัว 5.4%
อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินได้แรงหนุนจากการคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอของสหรัฐ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายราย ซึ่งรวมถึงนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ก็ได้ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในวันที่ 18-19 มิ.ย.
อย่างไรก็ดี FedWatch ซึ่งเป็นเครื่องมือวิเคราะห์ภาวะการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์อัตราดอกเบี้ยสหรัฐของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่า มีโอกาส 79% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนก.ค. และมีโอกาส 90% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย. และมีโอกาส 97% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนธ.ค.